ก่อนตอบต้องขออธิบายก่อนว่า Technical Analysis นั้นเกิดมากจากนักวิเคราะห์เก็บข้อมูลการซื้อขายและปริมาณการซื้อขาย เก็บสถิติในอดีต สร้างกราฟราคาขึ้นมา เพื่อประเมินแนวโน้ม และความผันผวนของราคาหุ้น ซึ่งนักวิเคราะห์ ได้สังเกตพบว่า เมื่อกราฟเกิดเป็นรูปร่าง แบบเดิมๆ จากพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนในตลาดในลักษณะใกล้เคียงเดิม ราคาจะเดินทางต่อไปในรูปแบบที่ซ้ำกันกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จึงเกิดเป็นทฤษฎีที่เรียกว่า Chart Pattern หรือ Price Pattern ขึ้นมา
รูปแบบราคา หรือ Pattern ของกราฟเหล่านั้น มีมากมายหลายแบบ แต่สามารถแบ่งออกเป็น2 กลุ่ม คือ
1.รูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern) คือ เมื่อราคาวิ่งขึ้นหรือลงในทิศทางที่ชัดเจน จากนั้นชะลอตัวเกิด Pattern ได้สำเร็จ ราคาจะเปลี่ยนทิศทางจากขาขึ้นเป็นขาลง หรือ จากขาลงเป็นขาขึ้น
2.รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Pattern) คือ เมื่อราคาวิ่งขึ้นหรือลงในทิศทางที่ชัดเจน จากนั้นชะลอตัวเกิด Pattern ได้สำเร็จ จะเป็นการยืนยันว่าราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดิม
รูปแบบราคาใน Pattern ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเกิดในขณะที่ราคาชะลอตัว อ่อนแรง หรือมีการพักตัว ไม่ว่าราคาจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง เมื่อวิ่งจนอ่อนแรงแล้วราคาจะพักตัว ขณะที่พักตัวแทบทุก Pattern จะพบว่า ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ลดน้อยลงเรื่อย กราฟราคา ก็จะเหวี่ยงตัวสร้าง Pattern จนกระทั่งราคากลับมามีทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน ปริมาณการซื้อขาย (Volume) จะกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกครั้ง
สังเกตุจากภาพด้านบนขวามือ จะเห็นว่าราคาวิ่งขึ้นตามลูกศร สีเขียว จากนั้นราคาชะลอตัว หรือพักตัวทำ Pattern บางอย่าง หลังจากนั้น ราคาวิ่งขึ้นทะลุออกจาก Pattern วิ่งขึ้นไปต่อ เป็น Continuous Pattern ส่วนภาพบนซ้ายมือ ราคาวิ่งทะลุลง หลุดออกจาก Pattern ตาม ลูกศรสีแดง ก็จะกลายเป็น Reversal Pattern
สำหรับ Chart Pattern เป็นที่นิยมและสามารถพบได้บ่อยๆ มีดังนี้
รูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern)
Double Top, Double Bottom, Head and Shoulders, Inverted Head and Shoulders, Triple Top, Triple Bottom
รูปแบบต่อเนื่อง (Continuous Pattern) : Flag, Pennant, Rectangle, Cup and Handle
ยังมี Pattern บางอย่างที่สามารถเป็นได้ ทั้ง Reversal Pattern และ Continuous Pattern ขึ้นกับสถานการณ์ว่าเกิด Pattern ในช่วงไหน ของตลาด เช่น Triangle, Rising Wedge, Falling Wedge
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ Pattern อีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีก ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับ Price Pattern จึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ต้องใช้ความรู้ และประสบการณ์การฝึกฝนอย่างมาก และต้องมีความเข้าใจพฤติกรรมของราคา และลักษณะของปริมาณการซื้อขายในแต่ละ Pattern เป็นอย่างดี จึงจะสามารถนำ Price Pattern ไปใช้เป็นกลยุทธ์ในการลงทุนได้
นักเทคนิคอลมือใหม่จำนวนมากไม่เข้าใจ แต่ใช้การท่องจำแค่รูปร่างของ Pattern เท่านั้น พอไปดูกราฟก็จะไปสร้างภาพจินตนาการไปล่วงหน้าต่างๆ นานา ว่าจะเกิด Pattern อย่างนั้นอย่างนี้ ก่อนที่จะเกิดสัญญาณยืนยัน (Confirmed Signal) ว่าเกิด Pattern นั้นแล้วจริงๆ ก็จะนำความเสียหายมาสู่การลงทุน เพราะวางกลยุทธ์ผิดพลาด หรือบางคนก็ยกความผิดพลาดไปให้ทฤษฎีว่าไม่มีความแม่นยำ ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจจะเกิดจากการที่ตนเองผิดพลาดไม่ได้ดูกราฟอย่างรอบคอบเองก็ได้
#WaveRiders
..
..
ไม่ซื้อไม่ได้ ละมั้ง ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น