ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ มีหัวการค้าเป็นเลิศ ทำงานคล่องแคล่วว่องไว พร้อมลุยงานหนักมาตลอด หลายๆปีผ่านไป ก็ไปได้ไม่ไกล สุดท้ายหนี้สินล้นพ้นตัว จนถูกฟ้องล้มละลายในที่สุด
ในช่วงที่ชีวิตตกอับสุดๆ เขามักนั่งวิเคราะห์ถึงจุดบอดจุดอ่อนของตนอย่างละเอียด แต่ก็หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้สักที
เพราะหากพูดถึงความเฉลียวฉลาด ความขยัน การวางแผน เขาไม่แพ้คนอื่นแน่นอน แต่ทำไมคนอื่นประสบความสำเร็จไปได้ดีกันทั้งนั้น แต่เขากลับห่างไกลจากความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัญญาสุดๆไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน
มีอยู่วันหนึ่งเขาเดินผ่านแผงขายหนังสือพิมพ์ข้างทาง ด้วยอารมณ์ที่เซ็งสุดกู่อยู่แล้ว ก็เลยซื้อหนังสือพิมพ์ติดมือมาฉบับหนึ่ง เปิดอ่านอย่างไม่ได้ตั้งใจ อ่านๆไป ตาสว่างขึ้นมาในทันใด มีข้อความหนึ่งบนหนังสือพิมพ์โดนใจแบบจุดประกายให้เขาสว่างไสวขึ้นมาอย่างทันตาเห็น หลังจากนั้น เขากลับมาเริ่มต้นอาชีพเดิมใหม่อีกครั้งด้วยเงินหนึ่งหมื่นเหรียญเท่าที่เขามีอยู่ในตอนนั้น
การกลับมาครั้งนี้ ธุรกิจของเขาเหมือนมีเวทย์มนต์ เริ่มจากรับตกแต่งร้านขายโชห่วยเล็กๆ ค่อยๆเดินใหม่ทีละก้าว จนสามารถลุยไปรับสร้างโรงงานปูนซีเมนต์ เริ่มจากการรับงานเหมาเล็กๆน้อยๆจากคนอื่นมาอีกทอดหนึ่ง จนสุดท้ายสามารถรับงานใหญ่ด้วยตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ มีแต่ความราบรื่นมาตลอดทาง คนที่ร่วมค้าร่วมทุนหรือร่วมมือกับเขา ล้วนมีแต่ความสบายอกสบายใจและปนความแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเขา ภายในเวลาไม่กี่ปี ทรัพย์สินของเขาเพิ่มจำนวนเป็นมูลค่าถึงร้อยล้านเหรียญ กลายเป็นเรื่องเล่าแสนมหัศจรรย์ในวงการก่อสร้าง
นักข่าวมากมายขอสัมภาษณ์เคล็ดลับในการกลับมาผงาดอย่างสง่าผ่าเผยของเขา เขาแค่พูดประโยคสั้นๆเพียงสี่พยางค์ว่า "รับแค่หกส่วน" เมื่อกาลเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ทรัพย์สินของเขาก็เพิ่มเป็นหมื่นล้านเหรียญในที่สุด
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขารับเชิญไปเป็นองค์ปาฐกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คำถามจากนักศึกษาล้วนถามเกี่ยวกับเคล็ดลับอะไรที่ทำให้เขาสามารถแปลงเงินหมื่นเหรียญเป็นหมื่นล้านเหรียญ เขายิ้มก่อนตอบว่า "เพราะผมมักยืนกรานเสมอว่า ขอรับน้อยลงสักสองส่วนสิบ" สร้างความงุนงงให้กับเหล่านักศึกษายิ่งขึ้น
เขามองหน้านักศึกษาทุกคนที่มีสายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้แห่งความสำเร็จของเขา ในที่สุด เขาจึงเริ่มต้นเล่าชีวิตจากช่วงที่เขาตกอับที่สุด เขาบอกว่าเขาเจอหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งโดยบังเอิญ มีบทสัมภาษณ์นายลีเจอะไค่ ซึ่งเป็นลูกชายของนายลีกาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง นั่นคือบทความที่จุดประกายให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไป
คนสัมภาษณ์ถามนายลีเจอะไค่ว่า "คุณพ่อของคุณสอนเคล็ดลับอะไรให้คุณในการทำการค้า"
นายลีตอบว่า "ท่านไม่ได้สอนเคล็ดลับอะไรเกี่ยวกับเรื่องการค้าหรือการหาเงิน แต่ท่านเน้นสอนวิธีการวางตัวที่เหมาะสมให้ผม"
นายลีพูดต่อว่า "คุณพ่อย้ำเตือนผมอยู่เสมอ ลูกจะร่วมมือทำการค้าอะไรกับใครก็ได้ หากลูกได้รับส่วนแบ่งของกำไรมา เจ็ดส่วนสิบอาจจะดูสมเหตุสมผล แปดส่วนก็พอได้ แต่ตระกูลลีของเรา "รับแค่หกส่วน" ก็เพียงพอแล้ว"
เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ เขาซึ่งยืนอยู่บนเวทีพูดอย่างเน้นย้ำว่า "บทสัมภาษณ์บทนี้ ผมบรรจงอ่านไม่ต่ำกว่าร้อยเที่ยว และในที่สุด ผมก็คิดว่าผมสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน จุดสูงสุดของการวางตัวก็คือ "ความใจกว้าง" เพราะฉะนั้น "ความหลักแหลม"ที่สุดของมนุษย์ก็คือ "ความใจกว้าง"
ลองคิดสักนิดจะตระหนักว่า นายลีกาชิงมักจะยินดีให้คนอื่นได้มากกว่าอีกสองส่วน มันจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ใครๆก็อยากร่วมมือร่วมทุนกับนายลีกาชิง เพราะมีแต่ได้กับได้
แม้นายลีกาชิงมักจะยินดีที่จะรับแค่หกส่วนแทนที่จะรับแปดส่วน โอกาสการทำธุรกิจจึงเพิ่มขึ้นมากมาย ใครมีโปรเจ็คหรือโอกาสก็มักจะมาหาเขาก่อน ลองคิดดูว่าถ้าเขารับเต็มจำนวนทั้งแปดส่วน โอกาสร้อยครั้งอาจจะลดลงมาเหลือไม่กี่ครั้ง สรุปแล้ว ส่วนไหนจะได้เงินมากกว่า นั่นคือเคล็ดลับของความสำเร็จ"
"ผมประสบความล้มเหลวในช่วงแรกของชีวิต ล้วนมาจากการคิดเล็กคิดน้อยไม่ยอมให้มีอะไรเล็ดลอดหรือเสียเปรียบใคร ตรงกันข้าม กลับพยายามเค้นหาผลประโยชน์จากคู่ค้าให้มากเข้าไว้ เพราะคิดว่ากำไรยิ่งสูง ก็ย่อมหมายถึงความสำเร็จที่หอมหวาน ในที่สุด อาจดูดีเหมือนมีกำไรดีในวันนี้ แต่กลับพ่ายแพ้เสียอนาคตและโอกาสไปหมด"
ก่อนจบการปราศัย เขาได้หยิบเอาหนังสือพิมพ์เก่าๆออกมาจากกระเป๋าเอกสาร นั่นก็คือบทความที่เขาเอ่ยถึง หลายๆปีนี้ เขานำมันติดตัวเสมอ เพียงเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจเตือนสติตัวเขาเอง บนช่องว่างของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น เขาใช้พู่กันจีนเขียนตัวหนังสือเล็กๆอย่างบรรจงว่า.....
"เจ็ดส่วนสิบอาจจะดูสมเหตุสมผล แปดส่วนก็คงได้ แต่ผมขอแค่หกส่วนสิบก็เพียงพอแล้ว"
นักธุรกิจในวงการอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ นามว่านายหลิน เจิ่น เจีย เป็นประธานบริษัท ฉวนเซิ่น พัฒนาอสังริมทรัพย์ จำกัด แห่งกรุงไทเป ปัจจุบันเขาเป็นเศรษฐีระดับต้นๆของใต้หวัน เขาบอกว่า ที่เล่ามาทั้งหมดนั้น ก็คือจุดเริ่มต้นของที่มาของทรัพย์สินหมื่นล้านเหรียญของเขาในวันนี้
***********
การมุ่งหาผลประโยชน์สูงสุด
เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆเขาก็ทำกัน
แต่หากรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์ให้ผู้อื่น
เขาผู้นั้นคือคนเหนือคน
คนใจกว้างที่ซื่อสัตย์
หนทางชีวิตเขาจะทั้งกว้างทั้งยาวไกลกว่าเสมอ
ที่มา "ขจรศักดิ์"
2019 ford fusion hybrid titanium vr
ตอบลบ2019 ford fusion titanium network surf freely fusion fusion hypoallergenic titanium earrings titanium chi titanium flat iron vr. - gr5 titanium TITanium Artists ceramic vs titanium curling iron