วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปัญหาธุรกิจส่วนใหญ่ จริงๆ ต้องใช้ หู แก้!!




นี่คือ Trend ใหญ่ที่จะเกิดในตลาดหุ้นทั่วโลกและไทยด้วย เหมือนกัน คือ 'รวมเพื่อโต'

นี่เพิ่งอ่านบทความที่พูดถึงการรวมตัวของค่ายรถใหญ่ Renault - Nissan - Mitsubishi ภายใต้การนำของ นักบริหารชั้นเทพอย่าง Carlos Ghosn ..ผู้ชายคนนี้ต้องบอกว่า เก่งเทพ เพราะเขาพลิกฟื้นทั้ง Ranault และ Nissan ให้กลับมากำไรได้ในเวลาอันสั้น ล้างการขาดทุนและพลิกเป็นบริษัทน้ำดี 

แนวทาง Carlos Ghosn ทำในการพลิกฟื้นธุรกิจ ก็คือ ลดต้นทุน รวมสิ่งที่ไม่จำเป็น แล้วก็โฟกัสสิ่งที่จำเป็น ...เขาเชื่อในความสามารถขององค์กรจากภายใน

การแก้ไขปัญหาของ Carlos หลักๆ คือใช้ 'หู' เขาจะลงไปคุยไปประชุมกับทุกส่วนของบริษัทเพื่อหารูรั้วด้วยตัวเอง ...เพราะเขาเชื่อว่า 'ทุกองค์กรที่มีปัญหา จริงๆ พนักงานมีทางแก้อยู่แล้ว เพราะพนักงานรู้จักลูกค้ามากกว่าผู้บริหาร ..ดังนั้น สิ่งที่ผู้บริหารองค์กรใหญ่ไม่มีคือ หู!!' 

เจสสส!! แรงโคตร ..แต่ผมว่ามันโดน เพราะถ้าจะแก้ปัญหามันต้องเข้าใจปัญหาก่อน

ไม่ใช่กางตำรา Business แล้วเอา ทฤษฎีมาพูด แก้จากข้างนอก แล้วมันจะแก้ได้ไง ?

 ..มันต้องเข้าใจ DNA ของแต่ละองค์กร จากนั้นก็หาจุดรั้ว แล้วก็ค้นหา Talent ที่พร้อมจะโชว์ศักยภาพ เพียงแต่ขาดเวทีให้เขาแสดงฝีมือ 

ใช่!! ธุรกิจยุคนี้กำลังเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้บริหารมักจะมืดแปดด้าน เพราะมัวแต่นั่งอยู่ในออฟฟิศ แทนที่จะไปถามพนักงานที่เข้าใจลูกค้า แล้วตั้งทีมแก้ปัญหาแล้วดึงคนมีศักยภาพที่ทั้งรู้งานและรู้วัฒนธรรมองค์กรขึ้นมาแสดงฝีมือ

ที่คุยมา จะชี้ว่า วันนี้องค์กรใหญ่กำลังเจอวิกฤต แต่จริงๆ การแก้ปัญหา มันสามารถทำได้ ซึ่ง Carlos Ghosn ก็ทำให้เห็นแล้วว่า 'ปัญหาเริ่มจากภายใน แก้จากข้างใน แล้วค่อยๆ ทำออกมาข้างนอก' (Inside Out)

สุดท้ายผมเชื่อว่าบริษัทในตลาดส่วนใหญ่จะผ่านมรสุมเศรษฐกิจโลกและประเทศไปได้ โดยใช้การ 'ควบรวม' เนื่องจากวันนี้เงินล้นระบบ ธุรกิจใหญ่ๆ หาเงินทุนไม่ยาก ...การควบรวมก็คือ รวมเพื่อตัดของเสีย และส่งเสริมของดี

ผลก็คือ บริษัทจะโอเค วิกฤตจะผ่านไป คนเก่งจะรุ่งเร็วในองค์กร แต่ผลเสียจะตกกับพนักงานที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม หรือ พนักงานที่ทำงานซ้ำซ้อนกันจะถูกให้ออกจากงาน

'ลดต้นทุนตัดคน ดันคนเก่ง ตัดงานซ้อน ลดสินค้า แต่ดันสินค้าที่ดีให้ยิ่งเด่น' 

ในฐานะถ้าคุณเป็นนักลงทุน ลองศึกษาโอกาสจากจุดนี้ ผมว่า เราจะเจอหุ้นเด็ดหลายตัวเลยที่จะโตจากรวมแล้วโตเร็ว

..ส่วนถ้าคุณเป็นพนักงาน ต้องมาทบทวนให้ดีว่า งานเราเป็นงานที่ใครๆก็ทำได้หรือเปล่า ถ้าใช่ต้องรีบพัฒนาความสามารถตัวเองให้โดดเด่น แล้วพยายามเป็นลูกจ้างที่คิดและทำงานแบบเหมือนเป็นธุรกิจส่วนตัว คือ ใส่ใจกับเสียงของลูกค้า และเข้าใจภาพรวมของธุรกิจไปพร้อมๆกัน

"ธรรมะ คือ ธรรมชาติ"

เป็นเรื่องน่าคิดที่ธรรมชาติ อนุญาตให้บรรดาสัตว์โลกทั้งหลายมีชีวิตอยู่บนโลกนี้นับเป็นวันได้โดยเฉลี่ยดังนี้
-แมลงเม่า   1 วัน
-มด  21  วัน
-ปลากะตัก  21 วัน
-แมงปอ  120  วัน
-ปลาหางนกยูง 120 วัน
-กระต่าย 1,825 วัน
-สุนัข  5,475 วัน
-ม้า  10,950  วัน
-มนุษย์ 25,550 วัน
-ช้าง 36,500 วัน
-เต่า 73,000 วัน
    ทุกชีวิตมีเวลาที่ธรรมชาติอนุญาตให้อยู่ได้ ตามวงจรชีวิตของแต่ละสายพันธิ์ถ้านับเป็นวันแล้ว น้อยมากจริงๆ ยิ่งมนุษย์้แล้ว
ถ้าอายุครบ 60 ปี ก็เท่ากับเวลาผ่านไปแล้ว 22,000 วัน
เวลาก็ยิ่งเหลือน้อยนิดลงไปอีกเหลือเพียงไม่กี่วันเอง บวกลบได้ไม่มากมายหรอก ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองยังสุขภาพดีอยู่ก็ตาม
 ดังนั้นการใช้เวลาที่เหลือ ในการดำรงชีวิตอย่าได้หลงระเริงโดยเด็ดขาด จะต้องยึดหลักปฎิบัติของพระพุทธองค์เป็นหลัก ให้หมั่นสร้างบุญ สร้างกุศล หมั่นทำความดี เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม จัดการเรื่องราวต่างๆให้เรียบร้อย โดยเฉพาะสำหรับลูกหลานและคนที่ยังอยู่ข้างหลัง และต้องลดละเลิก การสะสม ลดโมหะ โทสะ โลภะ ทั้งปวง เตรียมตัวนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของชีวิต และพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปได้ในทุกเวลาอย่างมีความสุข เพราะเข้าใจในสิ่งธรรมชาติกำหนดไว้แล้ว จงจำไว้ว่า
 "ธรรมะ คือ ธรรมชาติ"
   
   /ศิษย์ท่านพุทธทาส

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เขา และ เรา ต่างกันยังไง




'เขา และ เรา' ..ทำไม 'เขา' ดี ..แต่เราแย่ ...เขามีเงิน แต่เรามีแต่หนี้ ..เขาน่าอิจฉา เขาน่าหมั่นไส้ !!

- ว่าแต่ 'เขา' และ 'เรา' ต่างกันอย่างไร ? 

1. งานที่เขาทำ เขาไม่คิดเกษียณจากงานนั้นเลย (แปลว่า หลังอายุ 60 เขาก็ยังทำงานนั้นต่อไป) 

..แต่เราตรงข้าม เราอยากรีบๆรวย จะได้เลิกทำงานที่เราต้องทนทำเสียที !!

2. เขาให้คุณค่ากับการทำงานมากกว่าการพักผ่อน เพราะ 'เขาสนุกกับงาน' 

..แต่เราตรงข้าม เราทำงานแบบให้เสร็จๆ เพื่อจะได้ไปเตรียมการท่องเที่ยว พักผ่อน !! 

3. เขาไม่ค่อยเสียเวลามาโชว์ชีวิตไฮโซ หรือ โชว์ว่าเขาใช้เงินไร้สาระเพียงไหน ..ไม่มานั่งอวดรวย แต่เขาชอบโชว์ผลงานของเขา ..ชอบโชว์ความคิด ..ชอบโชว์งานที่เขาทำ

 ...แต่เราตรงข้าม เราไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอกว่าเราทำอะไร เราแค่อยากโชว์ว่าเราใช้เงินเก่งขนาดไหนให้คนอื่นมองเห็นตัวเราบ้างผ่านสิ่งที่เราจ่ายเงินซื้อมา (โอววว !!)

4. เขามีพัฒนาการเติบโตไปเรื่อยๆ พร้อมงานที่เขาทำ เพราะเขามี Passion มีความรักในงานของเขา จึงเติบโตไม่หยุดยั้ง

 ...แต่เราแสนจะเบื่องานของเรา แต่ไม่กล้าที่จะเปลี่ยน และก็ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนยังไง สุดท้ายเราก็ทนทำงานที่ไม่ชอบไปเรื่อยๆ นั่นแหละ 

ใช่!! ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอาชีพไหน ถ้าคุณอยากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ลองเปลี่ยนความคิดในเรื่อง 'งาน' ให้คิดแบบเขาคนนั้นที่เราหมั่นไส้!!  ...แล้วชีวิตคุณจะมีความสุขและสำเร็จมากขึ้น

แค่เปลี่ยน มุมมอง เรื่อง 'งาน' ใหม่ ทั้งชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว

ผมลองแล้ว มัน work จริงๆ ..ผมสนุกกับ 'งาน' มากขึ้น ..ผมจมตัวเองอยู่กับสิ่งที่ผมทำเพื่อสร้างผลงานบางอย่างที่ผมมีความสุข ..และสุดท้ายคนอื่นก็เริ่มเห็นคุณค่าตัวเราจากสิ่งที่เราทำ ...สนุกครับ ลองดูซิ 

เทรดหุ้นโบรคไหน ค่าคอมถูกสุด



กำลังมองหาโบรคที่ค่าคอมถูกๆ และไม่มีขั้นต่ำ อยู่ใช่ไหม ?
SBITO ค่าคอมถูกสุดในตลาด ถูกจนต้องร้องขอชีวิต
พร้อมโปรโมชัน เทรดฟรีเดือนเกิด อีกตะหาก

สนใจสมัคร ตามลิงก์ไปโลด ^^
http://www.sbito.co.th


















ความหวัง ทางเลือก และแผนสำรอง ของนักลงทุน




การจะเป็นนักลงทุนที่ดี ประสบความสำเร็จ และที่สำคัญที่สุดคือมีความสุข จะต้องมีการวางแผนกลยุทธ์ เรียกว่ากลยุทธ์ภาพใหญ่ของชีวิตการลงทุนเลยก็ว่าได้ โดยทั่วไปสำหรับส่วนตัวแล้วจะมีแผนหลักอยู่สามอย่าง ซึ่งถ้าพิจารณาให้ดีแล้วสามารถใช้ได้ทั้งกับการลงทุนและกับการดำเนินชีวิตจริงๆ ด้วย นั่นก็คือ:

1) ความหวังและกำลังใจ คุณพ่อผมเคยสอนไว้เสมอว่า ไม่ว่าจะทำอะไรอย่าได้หมดกำลังใจเป็นอันขาด เพราะการหมดกำลังใจจะทำให้หมดสิ้นทุกอย่าง กำลังใจและความหวังเป็นของคู่กัน เมื่อพูดถึงความหวัง ก็ต้องหวังอย่างเป็นไปได้ มีแผนการ มีวิธีการ อาจจะคิดเอง อาจจะลอกและดัดแปลงสิ่งที่คนอื่นทำเพื่อให้ดีขึ้น หาผู้ช่วยคิดช่วยทำ เมื่อมีความฝันก็จงเดินไปให้ถึง ในการลงทุน เราอาจจะหวังให้มีเงินสัก 20-30 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาท หรือมีรายได้ไหลเข้ามาโดยไม่ต้องทำงานเองเดือนละ 100,000 บาท หรือ 500,000 บาท ก็แล้วแต่คน แน่นอนว่าใครก็อยากได้ตัวเลขสูงแต่ต้องแลกมาด้วยการทำงานมากกว่าและเวลาที่นานกว่า ถ้าของเหล่านี้ไม่สมดุลกันการตั้งความหวังจะกลายเป็นไม่สมเหตุสมผลและมักจะผิดหวังไปในที่สุด

2) ทางเลือก คือมีหลายแผน แผนแต่ละอย่างมีหลายทางเลือก และวางขั้นตอนกลยุทธ์การตัดสินใจไว้เป็นขั้นตอน สำหรับการลงทุนในหุ้น เราอาจจะมองหุ้นไว้หลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เติบโตตามกัน ตรงกันข้ามกัน หรือกลุ่ม defensive (คือ สามารถทำกำไรได้เรื่อยๆ เป็นของต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร บริษัทกลุ่มนี้ก็ยังทำกำไรได้) ทำให้เราวสารถตัดสินใจลงทุนได้เสมอเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป นี่รวมถึงการถือเงินสดเอาไว้เป็นสัดส่วนเท่าไรอีกด้วย

ในการลงทุน เราสามารถจัดสัดส่วนของสินทรัพย์ต่างๆ และโยกย้ายไปมาได้

3) สุดท้าย คือมีแผนสำรอง บางครั้งในธุรกิจเรียกว่า ทางออกหรือ Exit Strategy ซึ่งอาจจจะเป็นการขายกิจการให้คนอื่น การแปรรูปกิจการแล้วขายไป การแยกชิ้นส่วนขายออก เป็นต้น แต่สำหรับการลงทุน เราคงไม่สามารถเล่นแร่แปรธาตุกับหุ้นได้มากนัก อาจจะจำเป็นต้องขายตัดขาดทุนออกไปเมื่อแน่ใจว่าคิดผิดจริงๆ ซึ่งต้องคำนวณไว้ก่อนว่าเราสามารถยอมขาดทุนได้ที่เท่าไร หรือหากไม่แน่ใจก็ขายออกครึ่งหนึ่งก่อนก็ได้ รวมทั้งคอยซื้อกลับคืนภายหลังเมื่อพิจารณาแล้วว่าที่จริงนั้นคิดได้ถูกต้อง (ถ้าซื้อกลับมาได้ด้วยราคาต่ำกว่าที่ขายออกไปก็ถือว่าเป็นกำไรไป)

ที่จริงแล้วจะเห็นว่าหลักการทั้ง 3 ข้อนี้ สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในการดำเนินชีวิตทั่วไป การวางแผนต่างๆ ในการทำงาน และเมื่อมาใช่กับการลงทุนต่างๆ (ไม่จำกัดว่าเป็นการลงทุนในหุ้นเท่านั้น) จะทำให้เรามีแผน มีทางหนีทีไล่ และมีความสุขไปตลอดระหว่างที่เราลงทุน ลองนำไปใช้กันดู เพื่อความสำเร็จอย่างเป็นสุขนะครับ

ที่มา http://muegao.blogspot.com/2016/05/blog-post_26.html

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ซื้อบ้านแบบไหน ชีวิตดี



'ซื้อบ้านแบบไหน ชีวิตดี'

พูดถึงซื้อบ้าน มันเป็นค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ของชีวิต ..อาจจะหนักกว่ารถด้วยซ้ำ ยกเว้นบางคนที่รถแพงกว่าบ้าน (ซึ่งก็มีเยอะอยู่ โดยเฉพาะ Thailand Only อินดี้ เมืองไทย)

บ้านคือ หนึ่ง ตัวแทนความภูมิใจในความสำเร็จ (กู้สำเร็จ แต่ยังผ่อนไม่สำเร็จ อันนี้ปัญหาใหญ่และยาว เพราะมันหลายสิบปีอยู่ ..คิดง่ายๆ แทบไม่มีใครวางแผนเก็บเงินระยะยาว 30 ปี แต่พอจะกู้ ดันกู้ยาว 30 ปี - งง เบย)

สอง บ้านคือสถานที่แสดงอำนาจ ...พูดง่ายๆ ทั้งสองอย่างนี้มันผิดวัตถุประสงค์ของ คำว่า บ้าน แบบคนละโลกเลย

'บ้าน' จริงๆ ไม่ใช่สถานที่ ..สมัยโบราณเราอยู่ในถ้ำ ย้ายไปย้ายมา ตามแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร ..เดี๋ยวนี้มาอยู่ในแท่งปูน ย้ายไปมาตามงานที่ทำ

บ้านจริงๆ คือ 'การเชื่อมต่อ คนที่เราอยู่ด้วยแล้วเรา มั่นใจ พักใจ วางใจ คนนั้นก็คือบ้านนั่นเอง ..แทบไม่เกี่ยวกับสถานที่แต่อย่างใด' 

สิ่งที่ต้องคิดในการซื้อบ้าน มีดังนี้

1. 'บ้านต้องอยู่แล้วเย็น' จะให้เย็นต้องไม่เป็นหนี้ หรือ เป็นหนี้เมื่อตัวเองสามารถจ่ายเงินก้อนได้ เพียงแต่เป็นหนี้เพื่อหักภาษี - พูดง่ายๆ คือ ควรซื้อบ้านเมื่อเราสามารถซื้อ 

2. 'ทำเลที่ขายต่อง่าย' ทำเลของบ้านคือมูลค่า แต่ตัวบ้านจริงๆ ไม่มีมูลค่า ดังนั้น ใส่เงินกับทำเลที่เราสามารถขายต่อง่าย ..ทำเลที่มี Supply จำกัด แต่ Demand โตเรื่อยๆ ..ทำเลที่เติบโตทางเศรษฐกิจและทำมาหากินคล่อง

3. 'ไม่เลือกบ้านที่สร้างภาระในการเดินทาง' หลายคนเลือกบ้านที่ไกลหน่อย เพราะราคาถูก แต่สุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็เลือกแบบนั้น ทำให้เราใช้ชีวิตเช้าก็แย่งเข้าเมือง เย็นก็แย่งออกเมือง เสาร์อาทิตย์ก็แย่งกันกินชานเมือง วันหยุดยาวก็แย่งกันหนีความวุ่นวายไปเจอความวุ่นวายพร้อมกันอีก ..เฮ้อออ!!

4. 'ไม่สร้างบ้านไว้โชว์ใคร' ให้สร้างบ้านหรือซื้อบ้านที่ตอบโจทย์เรา จะทำให้เราอยู่แล้วสบาย ซึ่งดีกว่าอยู่แล้วดูดีแต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจ ?

5. 'บ้านชีวิตชัด' คือบ้านที่ตอบโจทย์ชัดเจน เพียงอย่างเดียว เช่น ใกล้โรงเรียน มีโรงพยาบาลดี ใกล้ย่าน Shopping ติดแม่น้ำ ..แต่ต้องเลือกจุดเด่นให้ชัดเพียงอย่างเดียว เพราะ ถ้าดีทุกอย่าง มันจะแพงโดยไม่จำเป็น

ถ้าบ้านยังไม่โดน 5 ข้อนี้ ก็เช่าอยู่จนกว่ามันจะพร้อม ..เพราะการซื้อบ้านในเวลาไม่พร้อม อาจทำให้ 

1. เงินขาดมือเสมอจากค่าผ่อนบ้านที่เกินตัว
2. เลือกทำเลบ้านที่ไม่ดี ราคาไม่ขึ้น ขายต่อไม่ได้ ปล่อยเช่าก็ไม่ได้ ก็หมายความว่า 'ติดคุก'
3. ทำเลบ้านแย่ กระทบงานที่ทำ
4. ทำเลบ้านที่ผิด ทำให้ต้องซื้อรถในเวลาที่เราอาจไม่พร้อม เพิ่มภาระในชีวิตอีกปมใหญ่เช่นกัน
5. ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดของบ้าน ที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ทำให้หลายคนไม่เหลือเงินเก็บเลย

การซื้อบ้านเป็นเรื่องดี แต่ก็เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต ที่ต้องคิดหลายๆรอบ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้มันจะกระทบกับชีวิตครั้งใหญ่ ..คิดให้ดีๆครับ

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รีวิว Ayara Kamala Phuket – affordable luxury


Sponsor Review
Cover-Ayara-Kamala
ใครเคยได้ยิน Phuket Millionaires’s mile บ้างยกมือขึ้น ….
สมญานามนี้เป็นของถนนที่เชื่อมระหว่างหาดกมลากับอ่าวนาคาเล เส้นทางนี้ลัดเลาะไปตามไหล่เขาฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ต เป็นที่ตั้งของบรรดารีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศสุดหรูที่เรียงตัวอยู่ตามริมไหล่ผา หันหน้าออกสู่วิวสุดอลังการของทะเลอันดามัน
วันนี้ “นายมด” จะพาไปรู้จักกับหนึ่งรีสอร์ทห้าดาวบนถนนสาย Millionaires’s mile ที่วิวสวยสะกดใจ ข้อสำคัญราคาไม่ได้เว่อร์วังเหมือนวิว … ที่นี่คือ “Ayara Kamala Resort & Spa” (ไอยรา กมลา รีสอร์ท แอนด์ สปา)
Ayara-Kamala-Phuket-100
รีสอร์ทแห่งนี้ห่างจากหาดกมลาราว 3 กม. … กมลาเป็นหาดที่อยู่ช่วงกลางของเกาะทางฝั่งตะวันตก จึงมีชัยภูมิค่อนข้างได้เปรียบเพราะเดินทางไปไหนก็ไม่ไกลนัก เช่นจะไปสัมผัสสีสันที่หาดป่าตองก็ใช้เวลาราว 20 นาที หาดสุรินทร์ และแหลมสิงห์ก็อยู่ในระยะการขับรถไม่เกิน 20 นาที ภูเก็ตแฟนตาซีอันโด่งดังก็ตั้งอยู่ที่หาดกมลานี่แหละ
ห้องพักของ Ayara Kama มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบ Deluxe Ocean View, Deluxe Pool Access, Family Suite ไปจนถึง Pool Villa เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณที่แตกต่างกัน โดยห้องพักเริ่มต้นแบบ Deluxe Ocean View ราคาช่วง green season แบบนี้อยู่ที่ราว 4,000 บาทเท่านั้น หรือถ้าเป็นแบบ Deluxe with Pool Access แบบที่ผมกำลังจะพาไปชมอย่างใกล้ชิดก็ราคาไม่ถึง 7,000 บาท สามารถเดินลงสระได้จากห้องพักเลยแถมวิวทะเลด้วย นับว่าเป็นรีสอร์ทห้าดาวที่ราคาไม่เกินเอื้อมเลย
Lobby ของ Ayara Kamala อยู่ริมถนนสายลายิ-นาคาเลมองเห็นชัดเจน อาคารของ lobby จะเชื่อมต่อกับห้องอาหารที่สามารถมองเห็นทะเลอันดามันฝั่งตะวันตกได้อย่างเต็มตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า high-light อยู่ที่ช่วงพระอาทิตย์ตกนี่แหละ … ติดกับร้านอาหารเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่พร้อม sunbed ทอดตัวขนานไปกับห้องอาหาร ดังนั้นแขกสามารถมา enjoy กิจกรรมต่าง ๆ, ทานอาหารหรือดื่มชิล ๆ ได้ที่นี่ตลอดทั้งวัน
วิวจาก lobby โรงแรม
Ayara-Kamala-Phuket-11
ห้องอาหารและสระว่ายน้ำ
Ayara-Kamala-Phuket-8
Ayara-Kamala-Phuket-7
Ayara-Kamala-Phuket-5
Ayara-Kamala-Phuket-6
ห้องพักของผมเป็นแบบ Deluxe with Pool Access อยู่ชั้นกลางของอาคารเดียวกัน size ห้องใหญ่กว่า deluxe ทั่วๆ ไปเกือบเท่าตัว (63 ตร.ม.) … แต่ละห้องจะมีระเบียงพร้อม sunbed อยู่ฝั่งที่เป็นวิวทะเล และสามารถเดินลงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ด้านหลังห้องได้เลย … แม้สระนี้จะแชร์กันกับห้อง Pool Access อื่น ๆ แต่เนื่องจาก type นี้มีจำนวนไม่ห้อง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าว่ายน้ำแล้วหูจะไปชนกับใคร 555 … จะว่าไปสระแบบนี้ว่ายน้ำได้สนุกกว่าสระส่วนตัวเล็ก ๆ อีกนะ จ้วงไปหลายสโตรกแล้วยังไม่ถึงขอบสระอีกฝั่งเลย
ดูวิวกันก่อนเลย … สระว่ายน้ำใหญ่มาาาาก
Ayara-Kamala-Phuket-2
ภายในห้องพัก
Ayara-Kamala-Phuket-87
Ayara-Kamala-Phuket-80
Ayara-Kamala-Phuket-18
สำหรับภายในห้องพัก ตกแต่งแบบทันสมัยมีกลิ่นไอของความเป็นไทยแต่งแต้มอยู่พอสมควร … บนผนังมีงานศิลป์รูปช้างซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรีสอร์ทแห่งนี้ … โดยรวมต้องบอกว่ารีสอร์ทให้ความสำคัญกับ space ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด และที่ชอบอีกอย่างคือการวางอ่างอาบน้ำไว้ในส่วนที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ … ที่นี่จึงเหมาะอย่างยิ่งกับคู่รักที่จะมาใช้เวลาพิเศษด้วยกัน
Ayara-Kamala-Phuket-24
ในส่วนของ amenities ต่าง ๆ ในห้องพักมีให้ครบครันตามแบบฉบับรีสอร์ทห้าดาว ไม่ต้องพกแปรงสีฟัน ยาสีฟันมาให้หนักกระเป๋านะ ที่นี่มีให้ครบเลย (แบบ soft ด้วยผมชอบ อิอิ)
ถัดไปจากโซนที่ผมพักจะเป็น Pool Villa ที่วางตัวลดหลั่นไปตามไหล่เขา เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยบางหลังเหมาะสำหรับกลุ่มของเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่เพราะมีหลายห้องนอน
ทางขวามือของภาพคืน Pool Villa ครับ
Ayara-Kamala-Phuket-4
นอกจากสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่แล้ว ภายในรีสอร์ทมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ได้แก่สนามเทนนิส, ห้องออกกำลังกาย, สปา, Kids club และหาดส่วนตัวเล็ก ๆ บริเวณแนวโขดหินตรงเชิงเขาด้านล่าง … ทั้งนี้ทางรีสอร์ทมีลิฟท์บริการสำหรับคนที่ไม่อยากเดินขึ้น-ลงเขาไกล ๆ สามารถใช้ลิฟท์ร่นระยะทางลงได้
Ayara-Kamala-Phuket-9
ลิฟท์ที่เหมือนรถรางนี้แม้หน้าตาจะไม่ค่อยคุ้นเคยแต่ใช้งานไม่ยากครับ แค่กดปุ่มขึ้นหรือลงเหมือนลิฟท์ทั่วไปนั่นแหละ ประหยัดพลังงานที่ต้องใช้ในการเดินไปได้เยอะเลย …
ลิฟท์สำหรับลงไปหาดด้านล่าง
Ayara-Kamala-Phuket-12
สำหรับหาดเล็กๆ จุดนี้ ทางรีสอร์ทได้นำทรายมาปรับพื้นที่ให้เหมาะสำหรับผู้ที่จะมานั่งอาบแดด หรือจะชมวิวพระอาทิตย์ตกก็เหมาะทีเดียว แต่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ พราะเป็นโขดหินทั้งหมดและคลื่นแรง อย่างไรก็ตามคนชอบถ่ายภาพน่าจะถูกใจที่นี่ เพราะเหมาะสำหรับการถ่ายระลอกคลื่น แถมยังเป็นทิศตะวันตกด้วยดังนั้นนอกจากจะได้ภาพคลื่นเป็นสายนุ่ม ๆ แล้วยังได้สีสันยามเย็นมาแต่งแต้มด้วย
บริเวณชายหาดจะมี sunbed และพนักงานคอยดูแลอยู่
Ayara-Kamala-Phuket-14
Ayara-Kamala-Phuket-13
จุดนี้ไม่สามารถเล่นน้ำได้นะครับเพราะเป็นโขดหินและคลื่นค่อนข้างแรง … แต่ถ้าจะจัดงานแต่งเล็กๆริมทะเลผมว่าตรงนี้เหมาะมาก
Ayara-Kamala-Phuket-15
อย่างที่บอกไปตอนต้นครับว่าช่วง high-light ของที่นี่คือช่วงเย็น ผมจึงวิ่งถ่ายภาพซะวุ่นเลยตั้งแต่บริเวณโขดหินตรงหาดด้านล่าง จากนั้นแอบขอเข้าไปถ่ายภาพใน Pool Villa นิดหน่อย แล้วจึงมาปิดท้ายบริเวณห้องอาหารและสระว่ายน้ำส่วนกลาง ลองดูสิครับว่าสวยเหมือนที่บอกไหม
แสงอุ่น ๆ ยามเย็น กับวิวสวย ๆ
Ayara-Kamala-Phuket-43
Ayara-Kamala-Phuket-40
Ayara-Kamala-Phuket-39
Ayara-Kamala-Phuket-33
Ayara-Kamala-Phuket-30
Pool Villa
Ayara-Kamala-Phuket-50
Ayara-Kamala-Phuket-45
ยามเย็นที่หาดด้านล่าง
Ayara-Kamala-Phuket-68
Ayara-Kamala-Phuket-56
วิวยามค่ำที่สระว่ายน้ำและห้องอาหาร
Ayara-Kamala-Phuket-71
Ayara-Kamala-Phuket-70
Ayara-Kamala-Phuket-69
มื้อค่ำคืนนี้ผมทานอาหารไทยที่ห้องอาหารของโรงแรม … เนื่องจากไม่มีคนทานด้วยจึงกะว่าจะสั่งทานง่าย ๆ จานเดียว แต่พนักงานบอกว่าสั่งเมนูกุ้งมะขามดีกว่าจะได้ถ่ายภาพสวย ๆ … กลัวน้องเค้าจะเสียใจเลยต้องสั่งต้มยำปลากับทอดมันมาอีก 555 … ที่ชอบสุดของมื้อนี้คือต้มยำปลาน้ำใส รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ปลาสดมาก ๆ ใครมาทานแนะนำเมนูนี้เลยครับ
Ayara-Kamala-Phuket-79
Ayara-Kamala-Phuket-78
เช้าวันรุ่งขึ้นอาหารเช้าให้บริการบริเวณเดียวกัน แต่ผมเลือกนั่งในส่วนของ open air เพื่อรับลมสบาย ๆ กับวิวสวย ๆ ตอนเช้า … อาหารเสิร์ฟแบบ buffet และสามารถสั่งพวกราดหน้าหรือหมี่ผัดเพิ่มเติมได้ แต่ผมยังรู้สึกอิ่มกับมื้อค่ำจึงทานแค่เมนู standard เป็นสลัด + ไข่ดาวกับแฮม ตามด้วยผลไม้นิดหน่อย … อ้อที่นี่มีกาแฟสดเสิร์ฟด้วยนะ เลยสั่งลาเต้มารีเฟรชแก้วนึง ☺
Ayara-Kamala-Phuket-90
เช้านี้ฝนตกปรอย ๆ และฟ้าครึ้มก็เลยภาพเพิ่มเติมได้แค่เล็กน้อยก่อนได้เวลา check out
แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่การได้มาพักผ่อนในสถานที่สงบวิวสวยอย่าง Ayara Kamala Resort & spa ช่วยเติม energy ดี ๆ ให้กับชีวิตเยอะเลย สุดท้ายผมขอสรุปความคิดเห็นเป็นข้อ ๆ อีกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อน ๆ ครับ
ข้อดี
  • วิวสวยมากจากทุกห้องพัก (ผมไม่ได้เข้าไปดูทุกห้องนะ แต่ดูจาก layout แล้วคิดว่าทุกห้องหันหน้าเข้าหาทะเลเหมือนกันหมด)
  • เป็นรีสอร์ทห้าดาวที่ราคาไม่แรงจนเกินไป
  • เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน
  • ทำเลของรีสอร์ทไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ (เวันจุดที่อยู่ทิศใต้สุดของเกาะอาทิ แหลมพรมเทพ ที่อาจใช้เวลาหน่อย)
ข้อสังเกต
  • ถ้าไม่มีรถส่วนตัว การเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ต้องอาศัยรถ taxi เพราะไม่มีรถสาธารณะ (อันที่จริงหาดอื่น ๆ ก็มีปัญหาเดียวกัน แต่อาจมี taxi กับ ตุ๊กตุ๊กผ่านมากกว่า ที่นี่ต้องเรียกหรือใช้บริการของรีสอร์ท)
  • หาดของโรงแรมไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่สามารถใช้บริการฟรี shuttle ไปเล่นน้ำที่หาดกมลาได้
  • เนื่องจากเป็น tropical resort อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อาจมีพวกยุงหรือแมลงต่าง ๆ กวนใจบ้าง ไม่ควรเปิดประตูห้องทิ้งไว้ … อย่างไรก็ตามทางรีสอร์ทมีเครื่องไล่ยุงและครีมทากันยุงให้ในห้องครับ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของ Ayara Kama Resort & Spa สามารถดูได้ที่
ที่มา http://www.9mot.com/2016/05/review-ayara-kamala-phuket/

แค่หกส่วนก็พอ

ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง  เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ  มีหัวการค้าเป็นเลิศ  ทำงานคล่องแคล่วว่องไว  พร้อมลุยงานหนัก...