พ่อมดกองทุน Windsor "จอห์น เนฟฟ์"ที่มา http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=31005&s=2aaa0d2041dc22a6122dd2a75d409992
วิบูลย์ พึงประเสริฐ
สำหรับนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า บุคคลที่เป็นนักลงทุนต้นแบบอีกคนคือ จอห์น เนฟฟ์ (John Neff)
เนฟฟ์เป็นผู้จัดการกองทุนรวมแวนการ์ด วินเซอร์ (Vanguard Windsor) เขาเน้นหนักไปในการลงทุนแบบเน้นคุณค่าโดยลงทุนในธุรกิจที่ดี มีการเจริญเติบโตต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลสูง และขายเมื่อราคาเกินกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ผลงานตลอด 30 ปีที่ผ่านมา กองทุนของเขาสามารถครองอันดับสูงสุดห้าอันดับแรกมาตลอด
เนฟฟ์จบการศึกษาด้านการตลาดอุตสาหกรรม และเข้าศึกษาวิชาการเงินการธนาคารภาคค่ำในปี 1954 เขาเริ่มงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์กับ The National City Bank of Cleveland จากนั้นก็ทำงานกับ Wellington Management เขายึดหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าตามแบบของเบน เกรแฮม (Ben Graham) มาโดยตลอด
ในปี 1984 เนฟฟ์ลงทุนอย่างหนักในหุ้นฟอร์ด (FORD) ในขณะที่ทุกคนกลัวว่าบริษัทกำลังจะไปไม่รอด ขณะนั้นพีอี (P/E) ของบริษัทเท่ากับ 2.5 เท่า เขาซื้อหุ้นฟอร์ดในราคา 14 ดอลลาร์ต่อหุ้น ภายในสามปีราคาหุ้นขึ้นไปสูงถึง 50 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนที่เขาบริหาร
GYP ratio (Growth & Yield: P/E) = (Earnings Growth + Dividend Yield) / (P/E ratio) เนฟฟ์แนะนำให้เทียบอัตราส่วน GYP บนหุ้นและทั้งพอร์ตของนักลงทุนเทียบกับตลาด
เนฟฟ์จะใช้หลักการง่ายๆ เพื่อเลือกลงทุน 7 ประการดังนี้
1.อัตราส่วน P/E ต่ำ
2.อัตราการเติบโตของกำไรสูงกว่า 7% ขึ้นไป
3.มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และเพิ่มขึ้นตลอด
4.ผลตอบแทนที่ได้รับจะต้องสูงกว่าอัตราส่วนพี/อี (P/E)
5.ไม่เป็นธุรกิจที่ขึ้นลงตามรอบที่กำลังจะลง โดยปราศจากการลดลงของอัตราส่วนพี/อีที่ต่ำพอจนน่าลงทุน
6. เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในการสร้างการเติบโต
7. เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งเหมาะกับการลงทุน
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการหาหุ้นดีๆ ที่กำลังทำจุดต่ำใหม่ ดูว่าที่มันลงนั้นลงเพราะข่าวร้ายหรือไม่ หากเราเห็นว่ามันเป็นบริษัทที่ดีที่บางครั้งราคาตกลง ให้เรานำหลักการทั้ง 7 ข้อมาประเมิน ถ้าใช่ก็เป็นโอกาสในการลงทุน
เนฟฟ์แนะนำว่าอย่าไล่ซื้อหุ้นที่มีการเติบโตสูงที่หลายคนสนใจ อัตราส่วนพี/อีที่สูงขึ้นจะผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นจนถึงระดับที่น่าตกใจและเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวนักลงทุนเอง เขาบอกว่ามีเหตุผล 2 ประการในการตัดสินใจขายหุ้นคือหนึ่งพื้นฐานเริ่มเลวลงหรือสองราคาขึ้นมาสูงถึงจุดที่ต้องการแล้ว
เขาให้ความสำคัญกับอัตราส่วน GYP ในพอร์ตมากกว่า หากตลาดขึ้นสูงมากจนราคาหุ้นที่ต้องการสูงจนเกินไปก็ควรจะถือเงินสดไว้ ประมาณ 20% ของทุนทั้งหมดจนกว่าจะพบโอกาสดีอีกครั้งและโอกาสทำกำไรดีๆ มักจะเกิดหลังจากการตื่นตระหนก (Panic) ของตลาด
วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
พ่อมดกองทุน Windsor "จอห์น เนฟฟ์" : วิบูลย์ พึงประเสริฐ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แค่หกส่วนก็พอ
ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ มีหัวการค้าเป็นเลิศ ทำงานคล่องแคล่วว่องไว พร้อมลุยงานหนัก...
-
ผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่สุภา พระเกจิชื่อดัง กระทั่งทราบข่าวท่านละสังขารทางหนังสือพิมพ์ พอได้อ่านคอลัมสกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ วันที่ 5 กันยายน 2...
-
ฝั่งทะเลอันดามัน 1.หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะที่โดดเด่นด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสและหาดทรายขาวนวลละเอียดราวกับผงแป้ง หัวใจของสิมิลันคือ หินเรือใบที่โ...
-
" ....... Goal without Action , Just Dreaming ........ " "....... เป้าหมายที่ไม่ลงมือทำ มันก็แค่ความฝันตื่นหนึ่ง .....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น