ที่มา http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=31772
ขอขอบคุณ ทุกท่าน ผมเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับ ชั้นเรียน 2012
มีคนมากมายมาร่วมยินดีกับพวกคุณ ขอเสียงปรบมือให้กับทุกท่าน โดยเฉพาะคุณแม่ ไม่มีของขวัญวันแม่ชิ้นใดมีค่าเหมือนการได้เห็นลูกๆของคุณเรียนจบในวันนี้
ผมนึกถึงลูกๆของผมเองทุกครั้งที่มางานแบบนี้ เพราะ ผมคงดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว แต่พวกคุณกลับไม่ร้องเลย
ผมต้องขอบอกว่า จริงๆแล้วผมจบมาจากอีกมหาลัยหนึ่งซึ่งเป็นคู่แข่งกับมหาลัยนี้ แต่ผมก็ยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มาแสดงความยินดีกับพวกคุณในวันนี้ และมันเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยเพราะปีก่อนๆคุณมีบุคคลสำคัญมากมายมาร่วมแสดงความยินดี
ทุกคนที่มาล้วนเป็นคนเก่งและมีความสามารถ มีบทบาทสำคัญกับประเทศนี้
ตอนที่ผมเรียนจบ มันคล้ายๆกับตอนนี้มาก ตอนนั้นเมื่อ 1983 มันเป็นปีแรกที่มหาลัยของผมรับผู้หญิงเข้ามาเรียน และ ทุกคนฟังเพลง Michael Jackson และ เต้น Moonwalk
เรายังใช้ Walkman ไม่ใช่ iPods ถนนหลายๆเส้นยังคงอันตราย และ Time Square ก็ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวเหมือนปัจจุบัน มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตที่ แต่มันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกันอยู่ ในตอนนั้นเราเรียนจบและต้องออกไปเจอกับสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว มันเป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลง เป็นเวลาของความไม่แน่นอน
ทั้งๆที่พวกคุณเพิ่งจะเริ่มเรียนปีแรก จะมีคนกว่า 5 ล้านคนที่จะตกงาน ตั้งแต่นั้น คุณจะเห็นพ่อแม่ของคุณทำงานอย่างหนัก เพื่อนที่หางานทำไม่ได้ พวกคุณจะจบออกไปเหมือนกันตอนที่ผมเรียนจบ
สำหรับผู้หญิงแล้ว พวกคุณจะต้องเจอกับปัญหาที่วุ่นวายกว่า คุณจะได้เงินเดือนคุ้มค่างานหรือไม่ ?? คุณจะให้เวลากับครอบครัวได้มากแค่ไหน ?? คุณจะดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน ??
ทั้งๆที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน แต่สภาพเศรษฐกิจในตอนนี้ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
ไม่แปลกที่ความเชื่อมั่นต่อสถาบันจะลดลง เมื่อข่าวดีไม่ได้รับความสนใจมากเท่าข่าวร้าย ทุกวันคุณได้รับสื่อต่างๆที่บอกว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปไม่ได้ สื่อต่างๆที่บอกว่าคุณทำไม่ได้
แต่ผมจะบอกกับพวกคุณว่า ไม่ว่ามันจะยากเพียงใด ผมมั่นใจว่าพวกคุณจะทำได้ ผมได้เห็นความสามารถของพวคุณในด้านต่างๆ และ ผมมั่นใจว่าพวกคุณสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
และนี่คือสิ่งที่พวกเราต้องการให้พวกคุณเป็น เพื่อนสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้เกิดขึ้น
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า สถานการณ์มันจะดีขึ้นไหม ??ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าเราจะหาวิธีมาแก้ปัญหาได้หรือไม่ ?? เพราะ เราต่างรู้วิธีอยู่แล้ว
เรารู้ว่า สิ่งต่างๆจะดีขึ้นได้ ถ้าทุกคนได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม ถ้าทุกคนได้รับการฝึกฝนให้เหมาะกับงานที่จะได้รับ
เรารู้ว่า สิ่งต่างๆจะดีขึ้น ถ้าเราลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ พลังงานใหม่ๆ เพื่อมาทนแทนการนำเข้าและเพื่อช่วยลดมลพิษที่กำลังทำร้ายโลกของพวกเรา
เรารู้ว่า สิ่งต่างๆจะดีขึ้น ถ้าผู้หญิงถูกปฎิบัติเท่าเทียมกับผู้ชายในทุกๆด้าน
เรารู้เราควรจะทำอะไร คำถามก็คือ พวกเราจะทำได้ไหม ?? พวกเราจะทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้หรือไม่ ?? และผมเชื่อมั่นว่าพวกคุณทำได้
ทุกวันนี้ ไม่เพียงแค่ ประชากรผู้หญิงเป็นครึ่งหนึ่งของประเทศนี้ แต่เป็นครึ่งหนึ่งของกำลังคนงานของประเทศนี้
ผู้หญิงมีบทบาทมากในสังคมปัจจุบันและจะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นไปอีก
แต่พวกคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน จะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณเองว่า พวกคุณต้องการมันมากแค่ไหน คุณจะต้องไคว่คว้ามัน เพราะ มันจะไม่มาหาคุณ
อย่าเพียงแค่เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือ ต่อสู้เพื่อที่นั่งของคุณ แต่ สู้เพื่อจะอยู่เหนือคนเหล่านั้น
มีคนบอกว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือการเป็นประชาชน และ เมื่อ 225 ปีก่อนประชาชนเหล่านี้เองได้ร่างหนังสือขึ้นมา แต่ในหนังสือนั้นไม่มีลายเซ็นของผู้หญิงเลย แต่ผมมั่นใจว่าผู้หญิงเหล่านั้นเองเป็นผู้อยู่เบื่องหลังลายเซ็นของผู้ชายทั้งหลาย
หนังสือเล่มนั้นสร้างสรรค์สิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นกับสังคม สร้างความเปลี่ยนแปลง และ เปิดโอกาสให้กับคนทุกคนและมันยังคงส่งผลมาถึงทุกวันนี้
ประชาชนเหล่านั้นทราบดีว่า พวกราจะไม่หยุดยิ่ง พวกเราจะเดินไปข้างหน้า และ จะไขว่คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา
คุณต้องทำ ไม่ใช่เพื่อตัวคุณเอง แต่เพื่อคนรอบค้างของคุณ มีผู้หญิงเพียงแค่ 3% เท่านั้นที่เป็นผู้บริหารในบริษัทใหญ่ๆ และ ผู้หญิงมีส่วนเกี่ยวข้องน้อยมากในสภา
ผมไม่ได้บอกว่าคุณจะประสบณ์ความสำเร็จหากได้เป็นผู้บริหารหรือเข้ามามีบทบาทในสภา แต่ผมมั่นใจว่าผู้หญิงจะทำได้ดีกว่า และ มีบทบาทมากกว่าหากผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของสภา
ก่อนที่ผู้หญิงอย่าง Barbara Mikulski และ Olympia Snowe และคนอื่นจะเข้ามาอยู่ในสภา เราทำการค้นคว้าเรื่องโรคมากมายที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชายเท่านั้น จนกระทั่ง Patsy Mink และ Edith Green เข้ามาอยู่ในสภาและสร้างความเปลี่ยนแปลง จนทำให้พวกเรายอมรับและเปลี่ยนแปลงสังคม จนกระทั่ง Lilly Ledbetter กล้าที่จะยืนขึ้นและบอกว่ามันไม่ถูกต้อง และ ผู้หญิงควรจะได้สิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย
ดังนั้นแล้วมันขึ้นอยู่กับพวกคุณ พวกคุณคือตัวกำหนดความเปลี่ยนแปลง อย่าหยุดนิ่ง อะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น มันอยู่ที่ตัวพวกคุณเอง
อย่ารอให้คนอื่นแสดงออกเพื่อสิ่งที่ถูกต้องหรือควรจะเป็น แต่จงเป็นคนที่แสดงออกเพื่อสิ่งที่คุณเองคิว่าถูกต้อง
จงดูคนรุ่นก่อนเป็นตัวอย่าง ผู้หญิงจบการศึกษามากกว่าผู้ชาย และ มันเกิดขึ้นเพราะผู้หญิงในสมัยก่อนได้สร้างรากฐานเอาไว้
เพื่อนของผมตอนเรียนมัธยม คุณครูบอกกับเธอว่าเธอไม่เหมาะกับการเป็นเจ้านาย แต่เหมาะกับการเป็นเลขามากกว่า เธอไม่ฟังที่ครูบอกและเข้าเรียนมหาลัย เธอประสบความสำเร็จมากมาย เธอได้เข้าไปทำงานในสภาและตอนนี้เธอก็เป็นเลขาอย่างที่ครูเธอบอกจริงๆ เพียงแต่เธอเป็นเลขาของกรมแรงงาน และ เธอชื่อ Hilda Solis
ปริญญาใบนี้ได้เปิดโอกาสให้คุณมองย้อนกลับไป เพื่อช่วยเหลือคนรุ่นหลัง สนับสนุนให้คนเหล่านั้นได้รับการศึกษา ได้รับโอกาส จงเป็นคนชี้แนะ จงเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น
และ จงอย่าลืมว่า บุคคลจะชี้นำและชี้แนะเด็กๆได้ดีที่สุดก็คือพ่อแม่ ดังนั้น จงเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในความสามารถของคุณ และ ใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด
และสุดท้ายนี้ และเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จงมีความพยายาม ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ ไม่มีใครสำเร็จโดยไม่ล้มเหลว จงเรียนรู้จากความผิดพลาด และ อย่ายอมแพ้ เหมือนที่ผมไม่ยอมแพ้
ถึงแม้บางทีผมต้องทำงานที่ผมไม่ชอบ ถึงแม้ผมต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ผมยังคงพยายาม ผมเขียนจดหมาย ส่งไปตามชุมชนต่างๆ จนวันหนึ่ง ชุมชนเล็กๆใน Chicago เสนองานให้ผม
มันเป็นชุมชนที่เป็นไปด้วยความรุนแรง และ ปัญหาระหว่างอันธพาล เมื่อผมไปถึง สิ่งแรกที่ผมต้องการทำคือจัดประชุม ปรึกษา และ พูดคุย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหานั้น แต่ กลับไม่มีใครมาเลย
ผมรู้สึกผิดหวังมาก และ ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ผมคิดที่จะเลิก ที่จะยอมแพ้ เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมงานของผม แต่ในระหว่างนั้น ผมมองออกไปเห็นกลุ่มเด็กขว้างปาก้นหินใส่กำแพงตึก เด็กเหล่านั้นไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ให้ทำ ผมหันไปถามเพื่อนร่วมงานคนนั้นว่า ถ้าคุณเลิก ถ้าคุณยอมแพ้ แล้วใครล่ะ จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น
ผมและคนอื่นๆตัดสินใจที่จะสู้ต่อ ที่จะลองอีกครั้ง พวกเราให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆแก่ชุมชนนั้น ถึงแม้มันจะไม่มาก แต่ ทีละน้อยเราค่อยๆเปลี่ยนแปลงชุมชนนั้นให้ดีขึ้น ชุมชนนั้นยังคงเต็มไปด้วยกลุ่มอันธพาล แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น เป็นสิ่งที่นำไปสู่ชัยชนะที่ใหญ่ขึ้นในปัจจุบัน
ความอดทนและพยายามในตอนนั้น ผมต้องยอมรับว่าผมได้มันมาจากคนที่เลี้ยงดูผมมา จากผู้หญิงที่สร้างให้ผมเป็นผมในวันนี้
ผมโตขึ้นมากับคุณแม่ที่ส่งตัวเองเรียนหนังสือจนจบและทำงานหาเงินเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และผลักดันให้ผมเรียนจนจบเหมือนกัน เมื่อแม่ผมเสียชีวิต ยายของผมก็เข้ามาดูแลผมกับน้องสาวแทน
คุณยายเรียนจบเพียงมัธยม เธอเป็นพนักงานธนาคาร เธอทำงานอย่างยากลำบากจนได้เป็นรองประธานของธนาคารนั้น เพราะ เธอพยายามและไม่ยอมแพ้
จากนั้นผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มาช่วยเหลือผมตอนที่ผมไปทำงานที่บริษัททนายแห่งหนึ่ง เธอช่วยเหลือผมมากมายจนสุดท้ายเราก็มีครอบครัวด้วยกัน เราผ่านอะไรมามากมาย เราต่างมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน และ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อครอบครัวของเรา
สิ่งที่ทำให้เธอสู้มากับผมได้ถึงวันนี้ก็เพราะ เธอเองก็มาจากครอบครัวที่ไม่ยอมแพ้ จากครอบครัวที่ต่อสู้ด้วยความพยายาม
ดังนั้นจงจำไว้ว่า ไม่ว่าคุณจะเริ่มทำธุรกิจหรือ อะไรก็ตาม จงจำไว้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความสำเร็จและความล้มเหลว
ท้ายนี้ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณทุกคน
ขอบคุณมากครับ
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แค่หกส่วนก็พอ
ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ มีหัวการค้าเป็นเลิศ ทำงานคล่องแคล่วว่องไว พร้อมลุยงานหนัก...
-
ผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่สุภา พระเกจิชื่อดัง กระทั่งทราบข่าวท่านละสังขารทางหนังสือพิมพ์ พอได้อ่านคอลัมสกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ วันที่ 5 กันยายน 2...
-
ฝั่งทะเลอันดามัน 1.หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะที่โดดเด่นด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใสและหาดทรายขาวนวลละเอียดราวกับผงแป้ง หัวใจของสิมิลันคือ หินเรือใบที่โ...
-
" ....... Goal without Action , Just Dreaming ........ " "....... เป้าหมายที่ไม่ลงมือทำ มันก็แค่ความฝันตื่นหนึ่ง .....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น