ข้อความสั้นๆจาก Anthony Bolton
ผมไม่เคยมีเป้าหมายสำหรับหุ้นแต่ละตัวที่ผมถืออยู่ ผมคิดว่าถ้าเรามีราคาเป้าหมายอยู่ในใจ ซื้อเท่านี้ จะขายที่ราคานี้เหมือนกับว่าคุณสามารถคาดการณ์อนาคตได้ซึ่งในความเป็นจริงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
ในระยะสั้น ราคาหุ้นมักจะอยู่ในระดับที่สมดุลกัน มันเป็นสมดุลที่เปราะบางมากๆ สถานการณ์หรือข่าวที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย จะทำให้สมดุลราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปตาม
ในระยะยาว ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวไปตามความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ถ้าบริษัทยังคงดีและทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถมีอะไรมาขวางราคาหุ้นได้ ด้วยเหตุนี้การคาดการณ์ผลกำไรจึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักลงทุนมืออาชีพ นักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุนสมควรที่จะทำ แต่ผมคิดว่าการประเมิณคุณภาพของธุรกิจและความได้เปรียบเชิงแข่งขันมีความสำคัญมากกว่า
****************
ผมคิดอยู่เสมอว่า "ตลาดกระทิง" เป็นจุดเริ่มต้นของ "ตลาดหมี" ที่ยาวนาน และมันก็กลับกันด้วย ถ้าเราเอากระดาษมา 1 แผ่น "ตลาดหมี" ก็เปรียบเหมือน รอยขาดของกระดาษ นักลงทุนเห็นกระดาษขาดก็เกิดความตกใจ แต่โชคดีมันมีข่าวดี ก็เปรียบเสมือนเราเอาอะไรซักอย่างไป"ปะ" มันเอาไว้ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง ปัญหามันก็ยังคงอยู่และดำเนินต่อไป มันยังคงมีรอยขาด เพียงแต่นักลงทุนมองไม่เห็นมันก็เท่านั้นเอง จะว่าไปมันก็เหมือนกับรูปคนที่คุณพอมองแบบหนึ่ง มันจะเป็นรูปคนยิ้ม แต่พอมองอีกแบบหนึ่งมันก็จะเป็นรูปคนหน้าบูดบึ้ง สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ วิธีที่คุณมองรูป หาใช่ตัวรูปที่เปลี่ยนไป
*****************
หลายๆครั้ง ตลาดกระทิง จะดำเนินไปยาวนานกว่าที่คนคาดกันเอาไว้ และหลังจากกระทิงอันร้อนแรง ตลาดหมีก็จะเริ่มจดๆจ้องๆที่จะมาออกมา ก่อนเกิดขึ้นจริง
อย่าลืมว่าแนวโน้มระยะยาวของตลาดคือ การขึ้น ดังนั้นการที่เรามองโลกไปในทางบวกจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ถ้าคุณพลาดวันดีๆเพียงไม่กี่วันในตลาดกระทิง ผลตอบแทนของคุณจะถดถอยลงอย่างมากทีเดียว
*****************
ที่มา http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=31824นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ จะเพิกเฉยต่อข้าวร้ายที่เกิดขึ้นในตลาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น