ผมมีโอกาสเป็นวิทยากรอบรมเรื่องการลงทุนสายเทคนิคบ่อยอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งผมจะเน้นย้ำชัดเจนทุกครั้งว่าการฟังวิทยากรพูดหน้าห้องนั้นมันยังไม่ใช่ขั้นตอนการเรียนรู้ที่แท้จริง มันเป็นเพียงการรับฟัง:-
1) ประโยชน์ของเครื่องมือ และ
2) วิธีการใช้ เท่านั้น
แล้วต้องนำกลับไปพิจารณาไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งช่วงนี้แหละคือช่วงของการเรียนรู้อย่างแท้จริง และเมื่อเกิดความเชี่ยวชาญ จึงจะนำไปใช้ได้. และผมเชื่อว่าผู้เข้าอบรมจะเห็นประโยชน์และข้อจำกัดของเครื่องมือจริงก็ต่อเมื่อยกตัวอย่างของจริงให้ดู. เปิด Chart จริง วิเคราะห์กันจะๆ ไปเลย. ซึ่งมันดี แต่...
มันมีจุดบอดครับ เพราะหนึ่งเรื่องที่ไม่สามารถสมมุติขึ้นมาได้คือ "แรงกดดันระหว่างการเทรด" ซึ่งจะต้อง
i) ใช้เงินจริง. มีความรู้สึกได้-เสียเงินจริง และ
ii) รอ Price action ให้ปรากฏ
และการรอนี่แหละ คือความกดดันที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องเงินเลย. ในการยกตัวอย่าง ถ้าราคาหุ้นยังไม่เกิด Chart pattern หรือสัญญาณอะไร เราก็เลื่อน Chart ไปเรื่อยๆ ยิ่งราคาบีบตัวไม่ไปไหนก็เลื่อนต่อไปอีก. พอ Breakout ก็ว่ากันตามเรื่องไป. แต่ชีวิตจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้ เราต้องรอแท่งเทียนแต่ละวันให้จบ. ถ้าราคายังไมไปไหนก็ต้องรอต่อไปอีกวัน บางทีกว่าที่หุ้นจะเริ่มขึ้นจริง ดูกัน 1-2 เดือน แต่ยกตัวอย่างกันแค่ 4-5 นาที ในการเทรดจริง ระหว่างรอมันเกิดคำถามขึ้นเยอะ:-
- หน้าตักมีจำกัด จะรอหุ้นตัวนี้ หรือจะไปใส่หุ้นตัวอื่นก่อนดีมั้ย?
- ถ้ารอหุ้นตัวนี้และมันยังไม่มาเสียที เราจะเสียโอกาสมั้ย?
- เพิ่งเข้าหุ้นได้ มันพักฐาน ไม่ไปไหนมา 2 Wk แล้ว แต่ยังไม่โดน Stop จะอย่างไรดี เห็นหุ้นที่คนอื่นเข้ามันขึ้นทุกวัน เปลี่ยนดีมั้ย?
- เข้าไปเทรด TF เล็ก หลายรอบหน่อยจะดีกว่ามั้ย?
เพราะหลังจากซื้อหุ้นก็เฝ้าหุ้นกัน ทำให้รอกันไม่ค่อยได้ หนีไปเทรด TF เล็กกันเสียส่วนใหญ่ พอเทรด TF เล็กๆ ก็จะเก็บกิน Trend ใหญ่ได้ไม่สุด กำไรก็น้อยตาม แล้วก็มาต้ังคำถามกับตัวเองว่าความรู้ก็ดี มี Stop แต่ไฉน Port ไม่โตสักที ก็เพราะไม่ทำความเข้าใจธรรมชาติของการรอ. เราไปมองว่าการรอมีเพียงมิติเดียว มันไม่ใช่นะครับ สังเกตุกันดีๆ มันมีอะไรมากกว่านั้น
- นอกเหนือจาก "ระยะเวลาของการรอ" แล้ว
- ยังมีเรื่อง "ระยะห่างระหว่างเรากับการรอนั้นๆ" ด้วย.
เราดูเข็มนาฬิการอให้ครบ 1 นาที มันอึดอัดยิ่งกว่าการรอ 1 นาทีเฉยๆ ฉันใด การดูหรือเฝ้าหุ้นอย่างใกล้ชิดเกินไปก็จะทำให้การรอนั้นๆ อึดอัดเพิ่มขึ้นทวีคูณฉันนั้น ดังนั้นต้องสร้างระยะห่างระหว่างเรากับการเทรดให้พอดี เลือกหุ้นให้ดีพอซื้อ ก็วาง Stop แล้ว ก็รอเฉยๆ ดูราคา รับรู้ราคา และทำความเข้าเงินที่เข้าไปเทรดก้อนนี้อยู่เหนือการกำหนดของเราแล้ว ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน ที่สำคัญมันใช้เวลา สั่งขึ้นไม่ได้ ขึ้นเร็วคือดี ขึ้นช้าหน่อยก็ต้องไม่เป็นไร หลุด Stop ก็ออก และรอรอบใหม่ อย่าไปมองว่าต้องทำกำไรทุกวัน และคาดหวังให้มันขึ้นทุกวัน เราไม่สามารถขายได้ที่จุดสูงสุดของราคาทุกครั้งหรอก. เพราะราคาจะต้องลงมาหน่อยนึงเสมอก่อนที่จะเห็นว่าระดับก่อนหน้าคือจุดสูงสุด ถ้าอยู่ใกล้หุ้น ถ้าเฝ้าหน้าจอมีโอกาสที่จะตกใจขายหุ้นออกไปก่อนได้สูง เทคนิคที่ผมใช้ได้ผลจริงคือ อย่าไปเฝ้ากำไรหรือราคาหุ้น ให้ดู Price action อย่างเดียวพอ
ในการเทรด "หุ้น" ถือ Run trend จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด. แต่จะ Run trend ได้จริงนั้น จะต้อง "รอ" ให้ได้. รอให้ได้จริงนั้นจะต้องเข้าใจธรรมชาติของการรอครับ. หุ้นไม่ใช่แค่เพียงพาหนะของการหาเงินแต่เป็นพาหนะของการสร้างความมั่งคั่ง อย่ามัวแต่เก็บเหรียญบาทในตลาดที่สร้างให้คุณเป็นมหาเศรษฐีได้
ขอให้โชคดีในการลงทุนกันทุกคนครับ
ที่มา http://www.stock2morrow.com/news/index.php?id=106
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น