หาหุ้นด้วย"ตา" ซื้อหุ้นด้วย"วินัย" ทำกำไรด้วยการ"ปรับพอร์ท"
ที่มา http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=33015
เมื่อก่อน สมัยที่ยังเป็นนักศึกษา ได้มีโอกาสฟังบรรยายจาก พี่เล็ก เมธา บุนนาค ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) หลายครั้ง พี่เล็กบอกว่ารักจะเป็นสถาปนิกต้องมี Eyes of Architect ซึ่ง applejob ยึดถือ และฏิบัติตามมาโดยตลอด
วันนี้ชีวิตผกผัน ต้องมาเป็นนักลงทุน ขออนุญาติยืมคำพูดของพี่เล็กมาใช้ ด้วยความเคารพค่ะ เผื่อว่าเพื่อนๆนักลงทุนลองนำไปใช้บ้าง
The Eyes of Investor
เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ ถ้าคุณคลั่งไคล้(passion)การลงทุน มันจะอยู่ในจิตวิญญาณ อยู่ในชีวิตประจำวัน มันผ่านตา ผ่านมุมมองของคุณตลอดเวลา เพียงแค่
ข้อหนึ่ง ต้องช่างสังเกต ความเป็นไปรอบๆตัว
Applejob เกิดและเติบโตย่านฝั่งธน-ท่าพระ แต่ต้องไปทำงานถึงหลังสวน เหนื่อยเหลือเกิน เก็บตังได้นิดหน่อย ก็เอาไปดาว์นคอนโดลุมพินี(LPN) อยู่ใกล้รถไฟฟ้า (BTS) ค่อยสบายขึ้นหน่อย ตื้นเช้ามา กินขนมปังฟาร์มเฮ้า (PB) กับน้ำผลไม้ MALEE ก่อนไปทำงาน ทำงานไปฟัง fm 96.5 ไป(MCOT) โดยเฉพาะรายการเกี่ยวกับการตลาด ยิ่งชอบฟัง ตอนเที่ยงทำงานไม่ทันเลยฝากเพื่อนซื้อข้าวกล่องจาก 7-11(cpall)มาให้หน่อย ตอนบ่ายแว๊ปไปแบงค์ (scb) เลยโดนชวนทำประกัน (scblif) แอบซื้อขนมหมูแผ่นอบกรอบ(sorkon) โดโซะ(Bjc)ไว้กินตอนทำงาน ตกเย็นเลิกงาน แวะBIGC ซื้อของใช้ วันนี้ขอกิน S&P(mint)ซะหน่อย เพราะเงินเดือนออก ตกดึกชอบดู SME ตีแตก (work) ดูข่าว สารคดี ของเนชั่น (NBC) เค้าทำดี ดูไปดูมาหลับคาทีวี เสาร์-อาทิตย์ว่าง บางทีก็ไปซื้อของตกแต่งบ้านที่ IKEA เมกกะบางนา(SF) หรือไม่ก็เดินเซ็นทรัล (CPN) กินข้าวไปก็คุยกับที่บ้านไปว่าธุรกิจต่างๆเป็นไง ขายดีเพราะอะไร กิจการแบบไหนน่าสนใจ แล้วก็มาเปิดดูตัวเลขซะหน่อย คำนวณ EPS ดูกระแสเงินสด หา upside รอไว้ เผื่อมีโอกาสได้ซื้อ
ข้อสอง ต้องทันสมัย
ไม่จำเป็นต้องใช้ macbook ถือกระเป๋า paul smith ใส่นาฬิกา Phillipe Patek แต่สนใจว่าเดี๋ยวนี้คนส่วนมากนิยมใช้อะไร เที่ยวที่ไหน กิน ใช้กันอย่างไร พฤติกรรมการบริโภคของพวกเขา เปลี่ยนไปอย่างไร แต่ถ้าได้ใช้ ได้ไป ได้กินด้วย ก็ยิ่งดี
ข้อสาม จง"ฟัง คิด อ่าน สื่อสาร"
จงเลือกฟังแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใส่ใจเรื่องนินทา ว่าร้าย เรื่องที่พูดต่อๆกันมา โดยไม่มีเหตุผล ฟังข่าว ฟังปราชญ์ ดีกว่า
จงคิดแบบนักธุรกิจ ยกเว้นกับพ่อ แม่ ญาติและเพื่อนสนิท หรือผู้ที่ด้อยกว่า อ่อนแอกว่า
จงอ่านสิ่งที่มีประโยชน์ อ่านให้กว้าง และรอบด้าน ให้การอ่าน ซึมเข้าไปในกระแสเลือด ถึงจุดหนึ่งสิ่งที่อ่านมาจะสร้างดอก-ผลให้โดยไม่รู้ตัว
จงสื่อสารสิ่งทีคิด อาจจะเป็นการพูด หรือเขียน ให้ลองวิเคราะห์ข่าว ธุรกิจ การเมือง ด้วยตัวเอง ไม่คล้อยตามคนอื่นง่ายๆ
ซื้อด้วยวินัย ทำกำไรด้วยการปรับพอร์ท
ไม่ว่าคุณจะอยู่สำนักเทคนิคอลหรือพื้นฐาน จงมีวินัย เคร่งครัดในหลักการของสำนักนั้นๆ เพราะแต่ละสำนัก มีวิธีคิดเบ็ดเสร็จในตัวอยู่แล้ว
สำนักพื้นฐาน(แบบ applejob)มีหลักการอยู่ว่า
ให้ซื้อหุ้นที่มี upside มาก เวลาที่หุ้นลงไม่จำเป็นต้องซื้อเสมอไป
ให้ขายหุ้นที่มี upside น้อย เวลาที่หุ้นขึ้นไม่จำเป็นจะต้องขายทุกครั้งไป
แต่ส่วนใหญ่เวลาที่ราคาใกล้เต็มมูลค่าแล้ว เรายังหวังว่ามันจะไปต่อได้อีก จึงไม่ขาย หรือ เวลามันลง แล้วเราก็คิดว่า upside แค่ 10% มันเยอะแล้ว จึงรีบซื้อ หรือราคาหุ้นขึ้น แต่ไม่ได้ดูว่ายังมี upside อีกมาก จึงรีบขาย ทำให้เสียโอกาส
Applejob มองเทคนิคคอลกับพื้นฐานเหมือนไก่กับไข่
ราคาหุ้นขึ้น เพราะคนส่วนมากมองเห็นความสามรถในการเติบโตของบริษัท และราคายังไม่สะท้อนพื้นฐานกิจการ (แสดงว่า upside มาก) หรือมีข่าวดี กราฟก็มีสัญญาณซื้อ
ราคาหุ้นลง เพราะสะท้อนพื้นฐานกิจการในเวลานั้นๆไปแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่จึงขาย (แสดงว่า upside เหลือน้อย) หรือมีข่าวร้าย กราฟก็มีสัญญาณขาย รอจนกว่าจะมีข่าวใหม่ๆ หรือประกาศผลประกอบการออกมา ค่อยมาว่ากันใหม่
ส่วนนักลงทุนระยะยาว กับนักเก็งกำไร เหมือนอยู่กันคนละเมทริกซ์ (matrix) นักลงทุนระยะยาวจะมองข้ามความผันผวนของราคาช่วงสั้น ตาของพวกเขา จะมองเห็นเพียงกิจการที่เจริญก้าวหน้า และราคาค่อยๆวิ่งขึ้นไป พร้อมๆกับการเติบโตของกิจการ
หลักการปรับพอร์ท เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลาง เราซื้อขายล้อไปกับเทคนิคอล upside ที่มากเป็นสัญญาณซื้อ upside น้อยเป็นสัญญาณขาย
แต่ต่างจากเทคนิคอลตรงที่ ถ้าข่าวร้ายนั้นไม่ได้กระทบกิจการจริง นักลงทุนพื้นฐานจะมองเป็นสัญญาณซื้อมากว่าสัญญาณขาย(buy on bad news) หรือข่าวดีที่ไม่น่าจะมีผลอย่างยั่งยืนระยะยาว ราคาปรับตัวขึ้นในช่วงสั้น เราก็จะไม่สนใจ และไม่ไล่ซื้อเพราะข่าวนั้น
ส่วนใหญ่ applejob จะซื้อเมื่อมี upside 40% ขึ้นไป และขายเมื่อ upside น้อยกว่า 10%