วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

หุ้นและกลยุทธหมากล้อม

ผมลงทุนในตลาดหุ้นตามแนวทางเน้นคุณค่า (VI) มานาน ก่อนจะได้มีโอกาสได้เรียนรู้เกมโกะ (หรือหมากล้อม) เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา สิ่งที่พบ คือโกะเป็นประโยชน์อย่างสูงกับการพัฒนาวิธีการลงทุน จากปรัชญาของเกมที่ ซ่อนอยู่ ทั้งรูปแบบ กลยุทธ์ในการต่อสู้บนกระดาน รวมถึงการมองภาพในหลายมิติ การมีจินตนาการ และสำคัญที่สุดคือ “จิต” ที่แบ่งแยกคนธรรมดาและเซียนออกจากกัน

แนวคิดเบื้องต้นของโกะอย่างบัญญัติ 10 ประการ ก็เป็นหลักคิดเบื้องต้นที่ช่วยสร้างพื้นฐานการลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมจะลองยกตัวอย่างมาบางส่วนดังนี้

เล่นมุม ข้าง กลาง ตามลำดับ : ควรลงทุนในสิ่งที่ง่าย ๆ และให้ผลดีก่อนจะเข้าไปลงทุนในสิ่งที่ยาก นักลงทุนส่วนใหญ่มักชอบลงทุนในกิจการที่เข้าใจยาก กิจการที่มีสินค้าชื่อแปลก ๆ เป็นภาษาวิทยาศาสตร์ ซึ่งติดตามความก้าวหน้ากิจการได้ยากมาก ซึ่งอันที่จริงแล้ว การเริ่มต้นการลงทุนด้วยสิ่งง่าย ๆ ที่เราเข้าใจ สินค้าและบริการอยู่รอบ ๆ ตัวเรา อย่างเช่นการเล่นมุมก่อนในเกมโกะ ย่อมได้ประสิทธิภาพสูงกว่ามาก

เล่นให้ได้ผลสองเท่าทุกครั้งที่มีโอกาส : การลงทุนทุกครั้งควรหวังทั้งกำไรที่มากและความเสี่ยงต่ำ ปรัชญา High Risk High Return ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป ถ้านักลงทุนเข้าใจและมองเห็นโอกาส ดังนั้นหมากหุ้นทุกตัวที่เราลงทุน ควรจะหวังผลสองเท่า ไม่ว่าจะเป็น Upside ของหุ้นที่สูง Downside ต่ำ มีปันผลสม่ำเสมอในขณะที่รอ ถ้าเราสามารถเลือกหุ้นได้แบบนี้ทุก ๆ ครั้ง ก็เหมือนการเดินหมากที่ชาญฉลาดซึ่งมีโอกาสแพ้น้อย

ยืนให้มั่นคงด้วยสองเท้าที่แยกจากกัน : คือการมีพอร์ตหุ้นที่สมดุล หุ้นที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว สู้หุ้นที่อยู่กันเป็นกลุ่มอย่างแข็งแรงในพอร์ตโฟลิโอเราไม่ได้ ดังนั้นการวางโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอจึงเป็นสิ่งสำคัญ การลอกการบ้านเป็นหุ้นรายตัวจากผู้อื่น จึงเหมือนกับแค่ถามว่าหมากนี้จะเดินตรงไหน โดยขาดเหตุผลและยุทธศาสตร์ของการวางหมากเม็ดต่อไป

มีทางออกสองทางเสมอ : การลงทุนควรมีทางหนีทีไล่หรือแผน 2 เสมอ นักลงทุนมักมองโลกในแง่ดีอยู่ด้านเดียว มองว่าเราจะทำกำไรกับหุ้นตัวนั้นได้มาก ๆ โดยไม่ประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในอนาคตที่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระทบ สิ่งนี้ผมได้เรียนรู้อย่างมากในช่วงวิกฤต Subprime ซึ่งหุ้นบางตัวเข้าแล้วแทบไม่มีทางออก หรือไม่มีสภาพคล่องให้ขายได้เลยยามวิกฤต หุ้นแบบนี้ หลัง ๆ ผมไม่ค่อยชอบนัก ผมจะจำปรัชญาข้อนี้เป็นพิเศษ เพราะวิกฤตหุ้นมีมาเสมอ ๆ และเป็นจุดเป็นจุดตายสำคัญของการลงทุน
ล้อมเขา อย่าให้เขาล้อมเรา, ตัดเขา อย่าให้เขาตัดเรา : อยู่เหนืออารมณ์ตลาด มิใช่ตามตลาดและคิดล่วงหน้ากว่าผู้อื่น หนึ่งก้าวเสมอ ในตลาดหุ้น เบนจามิน เกรแฮม ให้ฉายาตลาดหุ้นว่าเป็น Mr. Market หรือนายตลาดซึ่งมีอารมณ์แปรปรวน บางวันก็ตื่นเต้นมีความสุขยื่นเสนอหุ้นราคาแพง ๆ ให้เรา บางวันก็หดหู่เหมือนไร้อนาคต และยื่นเสนอหุ้นตัวเดียวกันในราคาถูกแสนถูก นักลงทุนควรมองข้ามไปหนึ่งขั้น ซื้อก่อน ขายก่อนที่ทุกคนจะมองเห็น

หมากล้อมยังเป็นการมองภาพใหญ่และภาพย่อยประกอบกัน ซึ่งเป็นหัวใจในการลงทุน ในเกมหมากล้อม การยอมเสียบางพื้นที่เพื่อรักษาหรือสร้างพื้นที่อื่น ก็เหมือนกับการขายหุ้นแย่ เก็บหุ้นดีไว้ เหมือนดังที่ปีเตอร์ ลินซ์ กูรูนักลงทุนบอกว่า จงอย่าเด็ดดอกไม้และรดน้ำวัชพืช

อีกสิ่งหนึ่งที่หมากล้อมสอนนักลงทุนได้เป็นอย่างดีคือ หมากจะหมากที่ดีได้ ต้องเดินตำแหน่งที่ดีและใน “เวลา” ที่เหมาะสมด้วย เปรียบเหมือนกับการลงทุนในตลาดหุ้น หุ้นบางตัว มีเวลาทองไม่เหมือนกัน จะพบบ่อย ๆ ว่าในหุ้นตัวเดียวกัน คนบางคนกำไรจากหุ้นตัวนั้นเป็นกอบเป็นกำ บางคนขาดทุนหนัก ธุรกิจบางอย่างถ้าเราเข้าไปลงทุนเร็วเกินไป ก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพต่ำ หรือถ้าเราลงทุนช้าเกินไป บางครั้งก็สายไปเสียแล้ว ดังนั้นถ้าเราเข้าใจหลักเกณฑ์ว่าตำแหน่งยุทธศาสตร์ในเวลาที่เหมาะสมแล้ว จะช่วยให้การลงทุนดีขึ้นมาก

ความมีสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหมากล้อมที่ผมชอบมากเมื่อมาเปรียบเทียบกับการลงทุนแนว VI คือการสร้างความได้เปรียบในระยะยาว ผ่านตัวหมากทีละเม็ด ๆ ความได้เปรียบเล็ก ๆ ของหมากแต่ละเม็ด ส่งผลยิ่งใหญ่ต่อเกมในอนาคต ซึ่งใกล้เคียงภาพการวิเคราะห์การลงทุนโดยเฉพาะเรื่อง Durable Competitive Advantage ( DCA ) ของกิจการที่เราจะเข้าลงทุน ซึ่งอันที่จริงหมากล้อมไม่ได้สอนให้เราเอาชนะโดยฆ่าผู้อื่น แต่เป็นการสร้างพื้นที่ตัวเองให้แข็งแรง เมื่อเราแข็งแรง คู่แข่งจะอ่อนแอลงไปโดยที่เราไม่ต้องรบ กลยุทธ์หมากล้อมนั้นเสมือนการลงทุนที่มองหาแต่คุณค่าของกิจการ และชนะใจตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดมาเกี่ยวข้องเลย

ที่มา  http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=48944

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แค่หกส่วนก็พอ

ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง  เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ  มีหัวการค้าเป็นเลิศ  ทำงานคล่องแคล่วว่องไว  พร้อมลุยงานหนัก...