ชื่อ:  kk.jpg
ครั้ง: 1836
ขนาด:  180.6 กิโลไบต์

เป็นคำถามที่ถามเพื่อให้ตอบ(กับตัวเอง)จริงๆค่ะ และ applejob ก็กำลังจะตอบต่อไปนี้ ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติส่วนตัว ไม่ได้แปลว่า ทำอย่างนั้นผิด ทำอย่างนี้สิถูก

ความแตกต่างระหว่าง q2 กับ q3 55 คงจำกันได้ว่าไตรมาสที่แล้ว หุ้นตัวไหนประกาศงบออกมาดีมากๆ ทำ ceilling 3 วันซ้อน แต่ พอ Q3 ทุกอย่างก็เปลี๊ยนไป๊
หลักๆคงเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หน้าผาทางการคลังของอเมริกา ถึงกับเป็นงงว่าประกาศงบออกมาก็ดี ไหงลงซะงั้น

1.ตั้งสติ ไม่รีบซื้อถึงแม้ราคาจะลงมามาก คนส่วนใหญ่อาจจะคิดถูก เราอาจจะผิดก็ได้(เชื่อว่าตลาดมีประสิทธิภาพ) และไม่รีบขาย เพราะก่อนหน้านี้เราศึกษามาแล้วอย่างดี และต้องเข้าใจว่าตลาดหุ้นมีความอ่อนไหว และมักจะกังวลไปล่วงหน้าเสมอ

2.หาเหตุหรือข่าว ที่ทำให้ตลาดปรับตัวลง จากนั้นก็หาข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับหุ้นที่เราถืออยู่อย่างไร ซึ่งหวยจะออกมา 2 อย่าง คือเกี่ยวและไม่เกี่ยว จากนั้นก็ทำตาม step ต่อไป

3.ขาย หุ้นที่ประกาศงบออกมาไม่ดี  และมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้า แถมได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤต นั่นแปลว่าเรามาผิดทาง จะขายทันที โดยที่ไม่สนใจว่ากำลังขาดทุนเท่าไหร่(ติดตามตอนต่อไป:ขาดทุนอย่างมีศิลปะ)

แต่ต้องใช้วิจารณญาณมากหน่อย เพราะสำหรับการดูงบรายไตรมาส จะไม่ได้ให้ภาพที่ชัดนักของกิจการ (ไว้จะขยายความในกระทู้ต่อๆไปนะคะ)จะสะท้อนแค่ราคาหุ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น

4.อยู่เฉยๆ กับหุ้นที่ผลประกอบการณ์งั้นๆ หรือตกลงเล็กน้อย แต่ยังมีอนาคต และไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรฐกิจที่ว่า หรือไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวร้ายที่เกิดขึ้น

คงเริ่มสงสัยว่า ดูอย่างไรว่ามีอนาคต ก็เช่น ธุรกิจที่ได้รับอานิสงค์ จากการลงทุนของรัฐบาลซึ่งมาจากนโยบายที่ต้องการจะผลักดันให้ประเทศไปในทิศทางนั้น หรือธุรกิจที่ยังมีช่องว่างให้โตอีกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในโลก เป็น trend ของอนาคต หรือธุรกิจที่เป็นขาขึ้น เป็นต้น

5.ซื้อ หุ้นที่มี upside มากขึ้น อาจจะเพราะ จากผลประกอบการณ์ที่ดีหรือราคาตกลงมามาก และในระยะ 1-2 ปีนี้ ไม่ได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยมากจากข่าวหรือวิกฤต

ถ้าที่ผ่านมาการลงทุนของคุณยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ หรือลงทุนแล้วไม่มีความสุข ให้ลองตอบคำถามนี้ดูค่ะ น่าจะเห็นจุดบกพร่องอะไรบางอย่าง จะได้ลองปรับเปลี่ยนวิธีการเมื่อหุ้นลงครั้งต่อไปค่ะ