วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

พรสวรรค์ หรือ ทางเลือก ของ เจฟฟ์ (CEO Amazon)


ชื่อ:  images.jpeg
ครั้ง: 863
ขนาด:  5.6 กิโลไบต์

ในฐานะที่เป็นเด็กผมใช้เวลาช่วงฤดูร้อนของผมกับตายายของผมในไร่ของพวกเขาในเท็กซัส

ผมมักจะช่วยซ่อมกังหันลม, ฉีดวัคซีนให้วัว

นอกจากนี้เรายังดูละครทุกบ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง "วันของชีวิตเรา."

ตายายของผมเป็นสมาชิกของกลุ่มคาราวาน

กลุ่มของเจ้าของรถพ่วงที่เดินทางพร้อมกันทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดาทุกช่วงฤดูร้อน

และเรามักเข้าร่วมคาราวาน โดยการออกไปในแนวเดียวกันกับนักผจญภัย กว่า 300 คัน

ผมรักและบูชาตายายของผมมาก

ตอนนั้นผมอายุประมาณ 10 ปี

ถูกจับให้นั่งหลังรถโดยมีคุณตาเป็นคนขับ และยายก็นั่งข้างๆ เธอสูบบุหรี่ตลอดทาง

และผมเกลียดกลิ่นนั้น



ในอายุขณะนั้นผมมักจะขอตัวเพื่อไปฝึกการคำนวณอะไรเล็กน้อย

เช่น การคำนวณระดับก๊าซของเรา หรือแม้กระทั่งหาสถิติเกี่ยวกับการใช้จ่ายของร้านขายของชำ

ผมเคยฟังแคมเปญโฆษณาเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ ซึ่งไม่สามารถจำรายละเอียดของมันได้หมด

แต่โฆษณากล่าวว่า

ทุกๆควันของบุหรี่ที่คุณสูดเข้าไปจะทำให้คุณเสียนาทีในชีวิตของคุณ

ในขณะนั้นผมตัดสินใจที่จะคำนวณคณิตศาสตร์ให้กับยายของผม

โดยการคาดเดาจำนวนบุหรี่ต่อวัน และปัจจัยอื่นๆเพื่อใช้ในการคำนวณ

เมื่อได้ตัวเลขที่น่าพอใจ ผมก็เคาะกระจกด้านหน้าคนขับและบอกกับยายว่า

ทุกๆสองนาทีต่อควันบุหรี่ .... มันทำให้อายุคุณสั้นลงเก้าปี


จากการคำนวณตอนนั้น...ผมหวังว่าจะได้รับเสียงปรบมือสำหรับความฉลาดทางเลขคณิตของผม

“เจฟฟ์ หลานฉลาดมาก ที่คิดออกมาได้เป็นนาที และคำนวณมันออกมาได้”

นี้คือสิ่งที่ผมคิด... แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ยายของผมกำลังปาดน้ำตาที่แก้มของเธอ

ผมนั่งอยู่ด้านหลังโดยที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป...

ในตอนนั้น คุณตาที่กำลังขับรถไปด้วยความเงียบ ได้ตัดสินใจจอดรถแล้วลงมาเปิดประตูด้านที่ผมนั่ง เพื่อรอให้ผมลงไป



“มีปัญหาอะไรเหรอครับ” ผมถาม

คุณตาเป็นคนฉลาดและนิ่งมาก เขาไม่เคยใช้คำพูดที่รุนแรงกับใคร

หรือครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้...หรือเขาจะบอกให้ผมกลับเข้าไปขอโทษคุณยาย...

เราหยุดยืนอยู่ข้างรถพ่วง...เขามองมาที่ผม และพูดขึ้นว่า

“เจฟฟ์ วันหนึ่งหลานจะเข้าใจว่าการเป็นคนที่มีเมตตา มันยากกว่า การเป็นคนฉลาด”



สิ่งที่ฉันต้องการจะพูดคุยกับคุณวันนี้คือ....ความแตกต่างระหว่างพรสวรรค์และทางเลือก

ความฉลาดเป็นพรสวรรค์

ความเมตตาเป็นทางเลือก

ของขวัญเป็นอะไรที่ง่ายกว่าเพื่อให้ได้มา เพราะสุดท้ายเราทุกคนต้องได้รับมัน

แต่ทางเลือกเป็นอะไรที่ยากกว่านั้น

ผมแน่ใจว่าหนึ่งในของขวัญของพวกคุณเป็นความฉลาดและความสามารถ

ผมมั่นใจเพราะว่า การเข้าเรียนในที่นี้ได้ ต้องแข่งขันกันมาก

ความฉลาดของพวกคุณจะอยู่ในรูปแบบที่สะดวก

เพราะเราอยู่ในโลกที่ค่อนข้างประหลาด และเราเป็นมนุษย์

ที่สามารถเคลื่อนไหวอย่างช้าๆตามที่เราต้องการ.....

คิดค้นอะไรต่างๆมากมาย

ผมเริ่มมีไอเดียการทำอเมซอน 16 ปีที่แล้ว

ในตอนนั้นการใช้งานเวปไซต์เติบโตขึ้นเรื่อยๆถึง 2,300% ต่อปี

และผมไม่เคยเห็นอะไรที่โตเร็วได้ขนาดนี้

ความคิดที่อยากจะมีร้านหนังสือออนไลน์ก็เริ่มขึ้น

ร้านหนังสือที่มีกว่าล้านเรื่อง ...และหายากในโลกของความเป็นจริง

ในตอนนั้น ผมเพิ่งจะย่างเข้าอายุ 30 และแต่งงานได้หนึ่งปี

ผมบอกกับภรรยาของผมว่าอยากจะลาออกจากงานและเริ่มทำในสิ่งที่ค่อนข้างจะดูงี่เง่า และไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า

เธอตอบมาว่า ให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ

ผมทำงานบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งในนิวยอร์คที่ล้อมรอบไปด้วยคนฉลาดมากมาย ผมมีเจ้านายที่ฉลาดมาก มากพอๆกับที่ผมชื่นชมเขา

ผมบอกเขาว่า ต้องการจะลาออกจากงานเพื่อมาทำธุรกิจขายหนังสืออนไลน์

เจ้านายผมบอกว่า มันฟังดูเป็นไอเดียที่ดีทีเดียว....และมันจะดีว่านี้สำหรับคนที่ไม่มีงานดีพอ

เขาเสนอเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อให้คิดไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง

ซึ่งคำแนะนำของเขาก็ฟังดูดีทีเดียว ...แต่ในที่สุด ผมก็ได้ข้อสรุปว่า

อย่าทำให้เสียเวลาเลย...ผมไม่คิดว่าผมจะเสียใจในสิ่งที่ผมได้พยายาม หรือในสิ่งที่ผมล้มเหลว

และผมคิดว่า คงจะถูกหลอกหลอนตลอดชีวิตหากไม่ได้ลองทำ

หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ผมตัดสินใจเดินตามทางของผม

และผมก็ภูมิใจกับทางเลือนั้น....

พรุ่งนี้เป็นต้นไป เป็นวันที่พวกคุณต้องคิดและสร้างทางเดินชีวิตของคุณเอง

คุณจะใช้พรสวรรค์นั้นอย่างไร?

ควรจะเลือกทางไหน?

คุณจะทำตามความเชื่อหรือจะเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร?

คุณจะเลือกชีวิตแบบสะดวก หรือ ชีวิตด้วยการบริการและการผจญภัย?

คุณจะหดหู่ภายใต้คำวิจารณ์หรือคุณจะทำตามความเชื่อของคุณ?

คุณจะยอมรับเมื่อคุณทำผิด หรือ จะขอโทษ”

คุณจะป้องกันตัวเองเมื่อถูกปฏิเสธหรือจะปล่อยให้ตัวเองตกหลุมรัก?

เมื่อถึงคราวที่ลำบาก คุณจะยอมแพ้ หรือ จะสู้ต่อไป?

จะเป็นคนที่ชอบเยาะเย้ย หรือ เป็นผู้สร้าง?

คุณจะฉลาดโดยการใช้คนอื่น หรือคุณจะเป็นคนมีเมตตา?



ผมจะขอคาดการณ์ในแบบของผม

เมื่อคุณอายุ 80

ทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีผลกระทบและมีความหมายมากในชีวิตของคุณ


และมันจะกลายเป็นซีรีย์ชีวิตของคุณที่มีคุณเป็นคนกำหนดเป็นคนเลือกทางเดิน

ดังนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ทางเลือก...จงสร้างซีรีย์ชีวิตของคุณให้ีที่สุด ขอบคุณมากครับ

                ที่มา  http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=30780

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

พอร์ตปิดตลาดเย็นวันศุกร์
โดนลบไปหกร้อยกว่าบาท
เหลือ สองพัน
เรื่องเล่า....ความสุขที่พอเพียง.....
ชื่อ:  ชาวประมง.jpg
ครั้ง: 932
ขนาด:  67.1 กิโลไบต์

นักลงทุนชาวอเมริกันนายหนึ่ง กำลังยืนอยู่บนท่าเรือของชายฝั่งหมู่บ้านเม็กซิกันแห่งหนึ่ง

ขณะที่มีเรือประมงลำหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาจอด แล้วเขาก็ได้เห็นปลาโอครีบเหลืองตัวโตๆกองอยู่บนเรือลำนั้น

ชาวอเมริกันเอ่ยชมชาวประมงท้องถิ่นที่จับปลาได้เก่ง ก่อนจะถามว่า

ชาวอเมริกัน : คุณใช้เวลาในการจับปลาพวกนี้นานไหม

ชาวประมง : ครู่เดียวเท่านั้นแหละครับ

ชาวอเมริกัน : อ้าว!!!! ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่อยู่นานอีกหน่อย เพื่อจะได้ปลามากกว่านี้ล่ะ(เขาสงสัย)

ชาวประมง : นี่ก็พอเลี้ยงครอบครัวในวันนี้แล้วครับ

ชาวอเมริกัน : แล้วคุณ เอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรล่ะ?

ชาวประมง : ผมก็ยุ่งทั้งวันแหละครับ นอนตื่นสายๆ จับปลาวันละนิดหน่อย เล่นกับลูกๆ นอนพัก กลางวันกับภรรยาของผม เดินเล่นในหมู่บ้าน จิบไวน์ และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูงในตอนเย็นๆ

คนอเมริกันจึงพูดอย่างกระหยิ่มว่า

ชาวอเมริกัน : ผมจบMBA จากฮาร์วาร์ด สามารถให้คำแนะนำคุณได้นะ อันดับแรกก็คือ คุณน่าจะจับปลาให้เยอะขึ้นกว่านี้ เพื่อจะได้ซื้อเรือลำโตๆ ผลจากการมีเรือลำโต ก็จะทำให้คุณมีเงินมากพอที่จะซื้อเรือเพิ่มขึ้น จากนั้นคุณก็นำปลาที่จับได้ไปขายให้โรงงาน โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางอย่างในตอนนี้ หรือไม่ก็สร้างโรงงานเสียเอง ซึ่งคุณก็จะสามารถควบคุมได้ทั้งหมดนับตั้งแต่กระบวนการผลิต ผลผลิต ตลอดจนการจัดจำหน่าย ถึงตอนนั้นคุณก็จะสามารถย้ายจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ไปอยู่เมืองเม็กซิโกซิตี้ จากนั้นก็ขยับขยายย้ายไปอยู่แอลเอ แล้วไปยังนิวยอร์ก ที่ซึ่งคุณจะสามารถขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น

เมื่อฟังมาถึงตอนนี้ ขาวประมงก็ถามว่า

ชาวประมง : แล้วทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาสักกี่ปี

ชาวอเมริกัน : 15 ถึง 20 ปี

ชาวประมง : จากนั้นล่ะ

ชาวอเมริกันหัวเราะร่วนและบอกว่า

ชาวอเมริกัน :
ทีนี้ก็จะถึงช่วงสำคัญที่สุดในชีวิตล่ะ เมื่อโอกาสเหมาะ คุณก็ควรจะทำหนังสือชี้ชวนขายหุ้นทั้งหมดแก่สาธารณะ แล้วคุณก็จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐี อาจทำเงินได้เป็นล้านๆเหรียญ เลยก็ได้นะ เป็นล้านๆ

ชาวประมง : แล้วยังไงล่ะ

ชาวอเมริกันแจกแจงต่ออย่างเพลิดเพลิน

ชาวอเมริกัน : จากนั้นคุณก็ค่อยเกษียณตัวเอง ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ นอนตื่นสายๆ ตกปลาวันละเล็กๆน้อยๆ เล่นกับลูกๆ นอนพักกลางวันกับภรรยาที่บ้าน ตอนเย็นก็เดินเล่นในหมู่บ้าน จิบไวน์ และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูง

ชาวประมงหัวเราะและยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพูดว่า

ชาวประมง : ที่คุณพูดมาตะกี้ ก็ไม่ต่างจากที่ผมทำอยู่ทุกวันเลยสักนิด

ว่าแล้ว ชาวประมงก็พายเรือออกไปอย่างช้าๆ พลางจิบไวน์ และร้องเพลงอย่างมีความสุข




คัดมาจากส่วนหนึ่งของหนังสือ : 'พอ' สุขได้..เมื่อรู้จัก...''พอ''

ที่มา  http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=30755
เส้นแบ่งแยกระหว่างนักลงทุนที่ชนะและนักลงทุนที่แพ้ : Peter Lynch
เส้นแบ่งแยกระหว่างนักลงทุนที่ชนะและนักลงทุนที่แพ้

Peter Lynch


ในขณะที่ผมทำงานใน Fidelity มีนิตยสารชื่อดังจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านหุ้นซึ่งร่วมถึงผมด้วย มาร่วมประชุมกันมองทิศทางตลาดและหุ้นเด่นดัง ที่พร้อมจะระเบิดในไตรมาสหน้า จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้เรียกเรามาประชุม แต่เรียกพวกเรามา"ร่วมกันกังวลใจ" น่าจะเหมาะสมกว่ามาก

เวลาหุ้นขึ้นแรงๆ เหล่านักวิเคราะห์ก็จะบอกว่าหุ้นมีการขึ้นมาเยอะแล้วจะมีแรงเทขายทำกำไร ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน.... ถ้าเมื่อใดหุ้นตกลงไปแรง แทนที่พวกเขาจะเชียร์ให้เราซื้อหุ้น พวกเขากลับบอกว่า "การตกลงมาแรงครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อ 2 ปีก่อนที่อเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอย ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อน..." ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ข่าวร้ายๆจะมีอยู่ทุกที่และตลอดเวลา ถ้านักลงทุนเชื่อนักวิเคราะห์เหล่านั้น คุณก็จะไม่มีวันได้ซื้อหุ้นเลยเพราะจะต้อง"ชะลอการลงทุนไว้ก่อน" อยู่เสมอ

เส้นแบ่งแยกระหว่างนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จและนักลงทุนผู้พ่ายแพ้ ไม่ใช่ความเฉลียวฉลาด และการอ่านงบการเงิน หรือแม้แต่การหาจังหวะที่เส้นกราฟตัดกันไปมา แต่เป็นการเพิกเฉยต่อข่าวร้ายๆที่เกิดขึ้นในวอลสตรีทต่างหาก ทุกๆครั้งที่มันเกิดเหตุการณ์ร้ายๆที่ว่า ภาวะโลกร้อนกำลังจะเกิดขึ้น รูรั่วในชั้นโอโซน หรือสงครามในตะวันออกกลาง สุดท้ายตลาดก็มักจะจบด้วยการทำจุดสูงสุดใหม่เสมอ

Credit : Peter Lynch
ที่มา  http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=30759
ดช.ปัญญา เป็นเด็กที่เกิดในเมืองแต่ย้ายไปอยู่ในชนบท วันหนึ่งไปซื้อแพะจากชาวนาในราคา 1,000 บาท ซึ่งชาวนายินดีที่จะส่งมอบแพะในวันรุ่งขึ้น

พอวันรุ่งขึ้น ชาวนาก็ไปหา ดช.ปัญญาแล้วบอกว่า "ข่าวร้ายหนูเพราะแพะเพิ่งตายไปเมื่อคืนที่แล้วเอง"

ดช.ปัญญา ก็บอกว่า "ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นคืนเงินให้ผมก็แล้วกัน"

"โอ เสียใจด้วยจริง ๆ แต่ฉันใช้เงินนั่นหมดไปแล้ว" ชาวนาพูดด้วยสีหน้าเศร้า ๆ

"ไม่เป็นไร ถ้างั้นเอาแพะตัวนั้นมาให้ฉัน"

"หนูจะเอาแพะตายไปทำอะไร" ชาวนาถามด้วยความฉงน

"ฉันจะเอาไปจับฉลากขาย"

"จะไปจับฉลากแพะที่ตายได้อย่างไร ใครจะไปซื้อ"

"ได้ซิ คอยดูละกัน"

จากนั้นชาวนาก็มอบแพะที่ตายให้ ดช.ปัญญา ไป

หนึ่งเดือนผ่านไป......ชาวนาพบกับดช.ปัญญาจึงถามว่าตกลงเอาแพะที่ตายไปทำอะไ ร

"ฉันก็ทำฉลาก 500 ใบ ขายใบละ 10 บาท แล้วบอกว่าใครดวงดีจับฉลากได้ก็ได้แพะไปเลย 1 ตัว"

"ฉันได้เงินมา 5,000 บาท ได้กำไรหลังจากหักที่จ่ายให้ลุงชาวนาไปแล้ว 3,990 บาท"

"แล้วไม่มีคนโวยวายหรือ (เพราะแพะตายแล้ว)" ชาวนาถามด้วยความสงสัย

"ก็มี มีคนเดียวคือคนที่จับฉลากได้ และฉันก็แค่คืนเงินค่าฉลากจำนวน 10 บาทให้คน ๆ นั้นไป"

ในเรื่องบอกว่า ดช.ปัญญาต่อมาเติบโตและเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมาก.... ..

เรื่องราวแบบนี้เป็นสิ่งที่คนอินเดียสอนกัน........

ที่มา  http://www.stock2morrow.com/showthread.php?t=30761

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อวานขาย GSTEEL ไปแล้ว ขาดทุนไปสองร้อยกว่าบาท
แต่สิ่งที่ได้มาคือความสบายใจ
และวันนี้พอร์ตก็เขียวทุกตัว
เอามาใส่บล็อกไว้ดูให้เป็นกำลังใจ
จากเงินเริ่มต้น 60,000 บาท
ตอนนี้เป็น 100,000 บาท
แต่ไม่ได้โตมาเพราะซื้อขายหุ้นหรอกนะ
ได้มาจาก BH,BGH มานิดหน่อย หลักพัน ไม่ถึงหมื่น
แต่ที่ทุนกลายเป็นแสนเพราะเอาเงินตัวเองมาเพิ่ม
หลังจากคิดว่าตัวเราเริ่มเอาตัวรอดจากตลาดหุ้นได้แล้ว
ก็เท่านั้นเอง

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

เริ่มกลับมาซื้อหุ้นอีกแล้ว
ตั้งใจไว้อย่างดีว่าจะซื้อหุ้นแต่คุณภาพ
และซื้อตามแผนการที่วางไว้
แต่ก็ยังมีหุ้น GSTEEL อยู่ในพอร์ตอีกจนได้
และก็เป็นตัวเดียวที่ยังนั่งอยู่เฉย ๆ
ส่วนตัวอื่นเค้าก็ลุกขึ้นยืนเขียวให้อยู่
ถึงจะน้อยแต่ก็ยังเขียว เพราะซื้อมาด้วยเหตุผลอันควร
แต่ GSTEEL นี่ซี่ ตอนเคาะซื้อ 
เราซื้อเข้ามาด้วยเหตุผลอะไรน๊า ?
ทำท่านึกยังไงก็นึกไม่ออก
(ซื้อเพราะความโลภอ่ะดิ)
ช่าย ! ซื้อเพราะคิดว่ากำลังสร้างฐานกลับตัว
เพราะคาดเดาเอาว่า  จะกลับตัวยังงั้น  จะโค้งขึ้นยังงี้ 
เลยเคาะซื้อเพราะความโลภอีกจนได้
จนใจจริง ๆ เลย  เฮ้อ...

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555

โลกกลมๆ ใบนี้ ไม่มี อะไรได้มาฟรี ๆ
ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคย ถูก
คุณว่าจริงไหม . . .?


คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้า เลย
ไม่ต้องสนใจว่า. . .แมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ


ในโลกกลม ๆ ใบนี้ไม่ มีคำว่าแน่นอน
คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลง เดิน
ท้อแท้ได้ แต่อย่าท้อถอย
อิจฉาได้ แต่อย่าริษยา


เหตุผลของคน ๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่ของอีกคนหนึ่ง
ถ้าไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้ได้ เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
หนทางอันยาว ไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ


อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้ อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความ อ่อนโยน
ไม่มีคำว่า บังเอิญในเรื่องของความรัก มี แต่คำว่าตั้งใจ


ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสด ใส
หลังผ่านปัญหาจะรู้ว่า ปัญหานั้นเล็ก นิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ ได้
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง เมื่อ วานก็สายเกินแก้
พรุ่งนี้ก็สายเกิน ไป

วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2555

ไว้เตือนตัวเอง  อย่าหลงทางไปกับความโลภ
เมื่อแผนการนั้นยังทำกำไลได้ดี 
อย่าหาเหตุผลอื่นๆ เพื่อออกนอกแผนการนั้น
โดยเฉพาะ  ฟิวเจอร์และค่าเงิน  ไม่ง่ายเหมือนหุ้น
ถ้าไม่มาตามแผน  ห้ามซื้อ  ห้ามขายเด็ดขาด 

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

วันนี้ฟังเพลง ติดปีกความคิดถึง ของเวสป้า แล้วชอบ
เลยหาคอร์ดมาเล่นกีต้าร์
ได้มาแล้วแต่เล่นยากจัง

แค่หกส่วนก็พอ

ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง  เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ  มีหัวการค้าเป็นเลิศ  ทำงานคล่องแคล่วว่องไว  พร้อมลุยงานหนัก...