วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

ถ้อยคำของปัญญา

 "ถ้อยคำ" ของปัญญา โดย Warren Buffet 1.) ในการทำมาหากิน : อย่าพึ่งพิงรายได้ช่องทางเดียว ใช้การลงทุนสร้างโอกาสที่สอง 2.) ในการใช้จ่าย : หากคุณใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่นานคุณจะต้องขายสิ่งที่จำเป็น 3.) ในเรื่องการออม : อย่าเก็บเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ใช้จ่ายด้วยเงินที่เหลือจากการเก็บ 4.) ในความเสี่ยง : อย่าทดสอบความลึกของแม่น้ำด้วยเท้าทั้งสองข้าง 5.) ในการลงทุน : อย่าวางไข่ที่มีทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว 6.) บนการคาดหวัง : ความซื่อสัตย์เป็นของขวัญราคาแพงมาก อย่าคาดหวังมันจากคนราคาถูก 7.) ถ้าคุณกำลังรู้สึกหดหู่แสดงว่าคุณกำลังใช้ชีวิตอยู่กับอดีต ถ้าคุณกำลังกังวล แสดงว่าคุณกำลัง ใช้ชีวิตอยู่กับอนาคต ถ้าคุณกำลังอยู่อย่างสงบแสดงว่าคุณกำลังมีชีวิตอยู่ปัจจุบัน อดีตเป็นเศษกระดาษ ปัจจุบันเป็นหนังสือพิมพ์ และในอนาคตเป็นกระดาษคำถาม 8.) เมื่อมีสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ คุณมีทางเลือกสามทางให้มันกำหนดคุณ ให้มันทำลายคุณ หรือให้มันสร้างคุณให้เข้มแข็งขึ้น 9.) กระเป๋าว่างเปล่าสอนคุณได้นับล้านสิ่งเกี่ยวกับชีวิต แต่กระเป๋าเต็มทำให้คุณเสียได้นับล้านวิธี 10.) ตาของเราอยู่ด้านหน้าเพราะการมองไปข้างหน้าสำคัญกว่าที่จะมองย้อนกลับไปข้างหลัง 11.) เราใช้ดินสอเมื่อเรายังเล็ก แต่ตอนนี้เราใช้ปากกา ... คุณรู้ไหมว่า ทำไม? เพราะความผิดพลาดในวัยเด็กสามารถลบออกได้ แต่ความผิดพลาดตอนโตลบออกไม่ได้ ดังนั้นจงอ่านและเขียนอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้น ชีวิตจะเป็นเหมือนกระดาษชำระ เครดิต @ ผู้นำในตำนาน

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

http://pantip.com/topic/33437490 [SR][Neju #4/2015] ++ ปั่นม่วนไจ๋ไปกระซิบบอกรัก...เมืองน่าน ++

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558

►รวมเพลงเพื่อชีวิตเพราะๆของคนด่านเกวียน UNPLUGGED 12 ปี: https://youtu.be/_U2ayMV7-tk

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความกังวล



ที่มา  http://pantip.com/topic/33398534

“นิ่งสงบ” สยบความเคลื่อนไหว

             



“วอร์เรน บัฟเฟตต์” กล่าวถึงการลงทุนของ “เซอร์ไอแซค นิวตัน” ไว้ว่า หากไม่เจ็บตัวจากการขาดทุนครั้งนั้น เซอร์ไอแซค นิวตัน อาจค้นพบกฎแห่งการเคลื่อนที่ ข้อที่ 4 เพิ่มขึ้นมาสำหรับนักลงทุนทั้งหลาย นั่นก็คือ “ยิ่งเคลื่อนที่มาก ผลตอบแทนยิ่งลดลง”

    ตัวของ “บัฟเฟตต์” เองก็เป็นนักลงทุนที่มีการ “เคลื่อนที่” หรือ “เคลื่อนไหว” น้อยมากๆ เนื่องจากเขาเห็นว่า “ในช่วงชีวิตของการลงทุนนั้น มันเป็นการยากมากที่จะตัดสินใจได้ถูกต้องเป็นร้อยๆ ครั้ง” ดังนั้นเขาจึงไม่ลงทุนพร่ำเพรื่อ หรือซื้อขายหุ้นบ่อยๆ แต่จะอยู่นิ่งๆ เพื่อรอคอยโอกาสทองที่จะทำให้เขาได้ผลตอบแทนที่ดีจริงๆ เท่านั้น

    “บัฟเฟตต์” แนะนำนักลงทุนว่า “วอลล์สตรีททำเงินจากการเคลื่อนไหว แต่คุณจะทำเงินได้ด้วยการไม่เคลื่อนไหว” เขาเปรียบเปรยการลงทุนกับกีฬาเบสบอลว่า การอยู่ในตลาดหุ้นนั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา คุณสามารถที่จะยืนเฉยๆ เพื่อรอเวลา จนกว่าบอลจะถูกขว้างมาเข้าทางของคุณ นั่นแหละคุณจึงค่อยหวดมันให้เต็มแรง

    เป็นที่รู้กันดีว่า ตลาดหุ้นนั้นมีความผันผวนขึ้นลงอยู่แทบตลอดเวลาที่เปิดทำการ การที่นักลงทุนจดจ่ออยู่กับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแบบนาทีต่อนาทีของดัชนีตลาดหุ้น หรือเกาะติดอยู่กับหน้าจอแสดงราคาหุ้นมากเกินไป ยิ่งส่งผลทางจิตวิทยาต่อ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ของนักลงทุน ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการคันไม้คันมือ อดใจไม่ได้ ต้องเคลื่อนไหวไปกับมันด้วย ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่นิ่งให้มากที่สุดเพื่อใช้ “ความคิด” และ “เหตุผล” ในการตัดสินใจลงทุน            

    “จิม โรเจอร์” เจ้าของฉายา “อินเดียน่า โจนส์แห่งวงการไฟแนนซ์” เคยสารภาพว่า “ผมทำผิดพลาดมาหลายครั้ง ผมจึงเรียนรู้ว่า ไม่ควรเคลื่อนไหว ถ้าคุณยังไม่เข้าใจในสิ่งที่จะทำ และยังเรียนรู้ด้วยว่า มันเป็นเรื่องดีที่จะอยู่ให้นิ่งๆ แล้วรอจนกระทั่งคุณได้ความคิดดีๆ และได้ราคาดีๆ ที่แม้ว่าคุณจะผิดพลาด ก็ไม่ทำให้คุณต้องเจ็บตัว” และยังกล่าวย้ำไว้ด้วยว่า “หนึ่งในกฎที่ดีที่สุดที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน ก็คือ การไม่ต้องเคลื่อนไหว อยู่นิ่งๆ เอาไว้ จนกว่าจะมีอะไรบางอย่างที่น่าทำ”

    “ปีเตอร์ ลินซ์” หนึ่งในสุดยอดผู้จัดการกองทุนระดับโลก กล่าวถึงความได้เปรียบประการหนึ่งของนักลงทุนรายย่อยว่า ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวบ่อยๆ เหมือนบรรดาผู้จัดการกองทุนทั้งหลายที่ต้องคอยรายงานผลการดำเนินงานทุกๆ ไตรมาส “ถ้าหากช่วงใดที่คุณไม่พบบริษัทที่น่าสนใจลงทุน คุณสามารถถือเงินสดไว้นิ่งๆ เพื่อรอคอยโอกาสดีๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันกับคนอื่น”

    “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” Value Investor เบอร์หนึ่งของเมืองไทย เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้านักลงทุนไม่สามารถนั่งนิ่งๆ หรืออดทนเพียงพอแล้ว เขาก็จะต้องซื้อขายหุ้นอยู่เรื่อยๆ และนั่นก็คือ หนทางแห่งการล้มเหลวในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน”

    บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า “เบนจามิน เกรแฮม” ให้ข้อคิดเตือนใจนักลงทุนว่า “แม้ความกระตือรือร้นจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จในที่อื่นๆ แต่สำหรับในวอลล์สตรีท มันมักจะนำไปสู่ความเสียหาย”

    ใช่แล้วครับ การประกอบกิจการงานอื่นๆ ด้วยความกระตือรือร้น มักจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดี แต่สำหรับในตลาดหุ้น การที่นักลงทุนแสดงความกระตือรือร้นด้วยการซื้อขายหุ้นบ่อยเกินไป ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ใช้ความคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน โอกาสที่จะเสียหายย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย
 
ที่มา  http://pantip.com/topic/33398534

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง สอนวิธีทีซื้อบ้านและรถภายในเวลา 5 ปี

หมายเหตุ : *1 หยวน ประมาณ 5 บาท

มหาเศรษฐีฮ่องกง ลี กา ชิง แบ่งปันความภูมิปัญญาทางด้านการเงินของเขา สรุปแผนที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับแผนห้าปีที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างสิ้นเชิง

สมมติว่ารายได้ต่อเดือนของคุณมีแค่ 2,000 หยวน คุณสามารถมีการ เป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ โดยการที่คุณแบ่งเงินเป็น 5 ส่วน ส่วนแรก 600 หยวน, ส่วนที่สอง 400 หยวน, ส่วนที่สาม 300 หยวน, ส่วนที่สี่ 200 หยวน, ส่วนที่ห้า 500 หยวน


เงินส่วนแรก กันเอาไว้เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้วยวิธีง่ายๆ คุณแค่แบ่งเงินในแต่ละวันไว้ใช้จ่ายไม่เกิน 20 หยวนต่อวัน มื้อเช้าของทุกวันกินวุ้นเส้น ไข่หนึ่งฟอง และนมหนึ่งแก้ว ส่วนมื้อกลางวันก็กินอาหารเบาๆ และผลไม้ พอมือเย็นก็เข้าครัวไปทำอาหารที่ประกอบด้วยผัก และดื่มนมหนึ่งแก้วก่อนนอน ในหนึ่งเดือนค่าใช้จ่ายตกประมาณ 500-600 หยวน เมื่อคุณยังหนุ่มสาวร่างกายคุณยังไม่ค่อยเจ็บป่วยในช่วงปีแรกๆ พอเพียงสำหรับการกินอยู่แบบนี้

เงินส่วนที่สอง กันไว้สำหรับการสร้างเพื่อน และขยายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในแวดวง สิ่งนี้จะทำให้คุณมั่งคั่ง กันไว้ 100 หยวนสำหรับค่าโทรศัพท์ กันเงินไว้สำหรับกินข้าวกับเพื่อนๆ 2 มื้อต่อเดือน มื้อละ 150 หยวน ใครคือคนที่คุณสมควรจะกินข้าวด้วย? จำไว้เสมอว่าคุณจะต้องกินข้าวกับคนที่มีความรู้มากกว่าคุณและรวยกว่าคุณหรือคนทีจะช่วยสนับสนุนคุณในด้านการงานได้ แน่ใจว่าคุณต้องทำเช่นนี้ทุกเดือน หลังจากนั้นหนึ่งปีแวดวงเพื่อนๆ ของคุณจะสร้างคุณค่ามากมายมหาศาลให้กับคุณ ชื่อเสียงและอิทธิพลของคุณจะเพิ่มมูลค่าเป็นที่จดจำ ภาพลักษณ์ของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

เงินส่วนที่สาม การเรียนรู้ คุณควรจะจ่ายเงินประมาณ 50 ถึง 100 หยวน ในการซื้อหนังสือ เพราะคุณมีเงินไม่มาก คุณควรเอาใจใส่กับการจ่ายเงินไปกับการเรียนรู้ เมื่อคุณซื้อหนังสือและอ่านมันอย่างระมัดระวัง จงเรียนรู้บทเรียนและกลยุทธต่างๆ ที่สอนไว้ในหนังสือ หลังจากอ่านหนังสือแต่ละเล่มให้เล่าเรื่องราวเป็นภาษาของคุณ การแบ่งปันกับคนอื่นจะช่วยให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นคนที่น่าสนใจ และประหยัดเงินเดือนละ 200 หยวนเพื่อเข้าคอร์สอบรมต่างๆ เมื่อคุณรายได้เพิ่ม ให้กันเงินส่วนนี้เพิ่มขึ้นและเข้าร่วมคอร์สอบรมในระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณเข้าร่วมคอร์สอบรมที่ดีมันจะไม่ช่วยแค่ให้คุณมีความรู้ที่ดี แต่ยังจะช่วยให้คุณเจอเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกันซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ 

เงินส่วนที่สี่ เก็บไว้ใช้สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศในวันหยุด ให้รางวัลแก่ตนเองโดยการเดินทางไปต่างประเทศอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อการเติบโตของประสบการณ์ในชีวิตอย่างต่อเนื่อง พักในโฮสเตลราคาประหยัด ในเวลาไม่กี่ปีผ่านไปคุณจะเดินทางไปหลายประเทศและจะมีประสบการณ์หลากหลาย ใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นการเพิ่มพลังใหม่ให้ตัวเองมีแรงขับดันในการทำงานต่อไป

เงินส่วนที่ห้า ลงทุน ประหยัด 500 หยวนเก็บไว้ในธนาคารเพื่อเป็นทุนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เงินทุนสามารถใช้ในการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ การเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ มักจะปลอดภัยในการเริ่มต้น ไปหาผู้ค้าส่งและหาสินค้ามาขาย แม้คุณจะขาดทุน คุณจะเสียเงินไม่มาก อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเริ่มหาเงิน มันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจกับความกล้า และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ของการเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ เมื่อมีรายได้มากพอคุณสามารถเริ่มมองหาแผนการลงทุนระยะยาว และลงทุนในหลักทรัพย์ระยะยาวด้วยเงินของคุณและครอบครัวคุณ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเงินจำนวนนี้ของคุณไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำลง

อย่างไรก็ดี หลังจากคุณดิ้นรนเป็นเวลาผ่านไปหนึ่งปี ถ้าเงินเดือนคุณยังคง 2,000 หยวน นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้มีความก้าวหน้าขึ้นเลย คุณควรจะสำนึกละอายใจและสั่งสอนตัวเองด้วยการไปซื้อซุปเปอร์มาร์เก็ต และซื้อเต้าหู้ที่แข็งที่สุด แล้วเอามันปาใส่หัวตัวเองเพราะคุณสมควรโดนแบบนั้น

แต่ถ้าถึงตอนนั้นรายได้ต่อเดือนคุณอยู่ที่ 3,000 หยวน คุณต้องยังคงทำงานหนัก คุณต้องหางานเสริม จะเป็นการดีถ้าเป็นงานขาย ทำให้การขายเป็นเรื่องท้าทาย เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ศิลปะในการขายและความรู้อย่างลึกซึ้งซึ่งสามารถนำไปใช้กับอาชีพคุณได้ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเริ่มจากการเป็นนักขายที่ดี พวกเขามีความสามารถในการขายความฝันและวิสัยทัศน์ คุณจะพบผู้คนมากมายที่มีคุณค่าต่ออาชีพของคุณในภายหลัง เมื่อเริ่มขายคุณจะได้เรียนรู้ว่าอะไรขายได้และอะไรขายไม่ได้ ใช้ไหวพริบในการตรวจสอบตลาดเป็นวิธีในการดำเนินธุรกิจของคุณและหาผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นผู้ชนะในอนาคต

ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าให้น้อยที่สุด คุณสามารถซื้อมันทั้งหมดได้เมื่อคุณรวย ประหยัดเงินของคุณและซื้อของขวัญให้คนที่คุณรักและบอกพวกเค้าถึงแผนการและเป้าหมายทางการเงินของคุณ บอกพวกเค้าว่าทำไมคุณถึงต้องประหยัดอดออม บอกเค้าถึงความพยายาม ทิศทางที่คุณกำลังจะไป และความฝันต่างๆ ของคุณ

นักธุรกิจทุกคนต้องการความช่วยเหลือ ให้คุณเสนอตัวเองต่อพวกเขาในการทำงานนอกเวลาในโอกาสต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาความสามารถของคุณ และคุณจะได้พัฒนาทักษะในการเจรจาของคุณและในไม่ช้าคุณจะใกล้เป้าหมายทางการเงิน เมื่อเข้าปีที่สองรายได้ของคุณควรจะเพิ่มเป็น 5,000 หยวน อย่างน้อยสุดก็ควรจะเป็น 3,000 หยวน มิฉะนั้นคุณจะไม่สามารถสู้กับเงินเฟ้อได้

ไม่ว่าคุณจะหารายได้เพิ่มมาขึ้นเท่าไร จำไว้เสมอว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน ทำตัวเองให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการสร้างเครือข่าย เมื่อคุณรู้จักผู้คนมากขึ้นเครือข่ายของคุณขยายมากขึ้นคุณจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น จงใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นไปกับการเรียนรู้เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น จงใช้เงินเพิ่มขึ้นไปกับการท่องเที่ยวในวันหยุดในที่ใหม่ที่ยังไม่เคยไป จงเพิ่มการลงทุนไปกับอนาคตคุณซึ่งมันจะสร้างรายได้ให้คุณอย่างมหาศาล

รักษาสมดุลนี้ไว้ และคุณจะเริ่มมีเหลือกินเหลือใช้เรื่อยๆ คุณกำลังเดินทางมาถูกทางสำหรับการวางแผนในชีวิต สุขภาพของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณได้รับสารอาหารและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อนจะมีมากมายคุณจะสามารถสร้างคุณค่าจากเครือข่ายของเพื่อนได้ในเวลาเดียวกัน คุณจะได้รับโอกาสในการฝึกฝนตัวเองในทักษะระดับสูง และคุณจะได้รับผิดชอบโครงการที่ใหญ่กว่าเดิม โอกาสที่ใหญ่กว่าเดิม ในไม่ช้าคุณจะตระหนักว่าคุณมีความฝันมากมาย ซื้อบ้าน ซื้อรถ และเตรียมค่าเล่าเรียนของลูกของคุณ

ชีวิตและเส้นทางชีวิตสามารถออกแบบได้ซึ่งจะนำไปสู่ความสุข คุณควรเริ่มแผนตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อคุณจนให้ใช้เวลาอยู่ที่บ้านให้น้อยกว่าการใช้เวลาอยู่ข้างนอก เมื่อคุณรวยอยู่ที่บ้านมากขึ้นอยู่ข้างนอกให้น้อยลง นี่คือศิลปะการใช้ชีวิต เมื่อคุณจนให้ใช้จ่ายเงินไปกับผู้อื่น แต่เมื่อคุณรวยใช้เงินไปกับตัวคุณเอง คนส่วนใหญ่ทำตรงกันข้ามกัน

เมื่อคุณจนจงทำดีกับผู้อื่นอย่ามัวแต่คิดเรื่องผลประโยชน์ เมื่อคุณรวยคุณต้องเรียนรู้ที่จะทำให้ผู้อื่นดีต่อคุณ คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวเองให้ดีกว่าเป็นคนที่ดีกว่าที่เป็น เมื่อคุณจนคุณต้องผลักดันตัวเองออกมาในที่คนอื่นสามารถจะมองเห็นคุณได้เพื่อให้คนอื่นใช้งานและทักษะที่คุณมี เมื่อคุณรวยคุณต้องรู้จักปกป้องตัวเองอย่าปล่อยให้ใครมาหลอกใช้คุณได้ง่ายๆ เป็นความซับซ้อนในเส้นทางของชีวิตที่หลายคนยังไม่เข้าใจ

เมื่อคุณจนให้คุณใช้เงินเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้จักคุณ แต่เมื่อคุณรวยจงอย่าโอ้อวดว่าคุณรวย ใช้จ่ายเงินของคุณในการซื้อของอย่างเงียบๆ เมื่อคุณจนคุณต้องเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเมื่อคุณรวยคุณต้องไม่ถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟือย ชีวิตของคุณจะวนกลับมาสู่สามัญคุณควรจะอยู่อย่างเรียบง่ายเมื่อคุณมาถึงจุดนี้

ไม่มีสิ่งใดผิดเมื่อคุณยังหนุ่มสาว คุณไม่ต้องกลัวว่าคุณจน คุณต้องรู้วิธีลงทุนในตัวคุณเองที่จะเพิ่มปัญญาและระดับความสำเร็จ คุณต้องรู้ว่าอะไรจำเป็นและไม่สำเป็นต่อชีวิต คุณต้องรู้ว่าอะไรควรหลีกเลี่ยงและไม่จ่ายเงินฟุ่มเฟือยไปกับมัน นี่คือวินัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง พยายามหลีกเลี่ยงในการใช้จ่ายเงินไปกับการซื้อเสื้อหลายๆ ชุดแต่รู้จักเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ดูดีเพียงไม่กี่ชุด พยายามกินข้าวนอกบ้านให้น้อยที่สุด ถ้าคุณกินข้างนอกบ้านคุณต้องแน่ใจว่าคุณซื้อมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นที่คุณจ่าย คุณจ่ายเพื่อกินกับผู้คนที่มีความฝันใหญ่กว่า ทำงานหนักกว่าคุณ

เมื่อการทำมาหากินของคุณไม่เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอีกต่อไป ใช้เงินที่เหลือไล่ตามความฝันของคุณ สยายปีกของคุณและกล้าที่จะฝันทำให้คุณแน่ใจว่าชีวิตของคุณเป็นสิ่งวิเศษ

ทฤษฎีที่มีชื่อเสียงจากฮาร์วาร์ด ความแตกต่างของโชคชะตาของแต่ละคนถูกตัดสินจากสิ่งที่เค้าจ่ายในเวลาว่างระหว่าง 20.00 น. ถึง 22.00 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมงนี้ในการเรียนรู้ คิด และเข้าร่วมในการเข้าร่วมการบรรยายหรือการสัมมนาที่มีความหมาย ถ้าคุณทำแบบนี้สักปีสองปี ความสำเร็จจะเข้ามาหาคุณ

ไม่สำคัญว่าคุณหาเงินได้เท่าไร จำไว้ว่าแบ่งเงินเป็นห้าส่วน ดูแลตัวเองรักษารูปร่างให้ดีอยู่เสมอ ลงทุนในการเข้าสังคมพบผู้คนใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากคนเหล่านี้ การขยายเครือข่ายทางสังคมจะทำให้รายได้คุณเพิ่มขึ้น เดินทางทุกปีในที่แตกต่างกันออกไป และคอยติดตามการพัฒนาการล่าสุดของโลกอุตสาหกรรมด้วย ถ้าคุณทำตามแผนนี้อย่างขยันขันแข็ง คุณจะมีเงินทุนเหลือมากมาย

อะไรที่ผ่านไปแล้วในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป อย่ามัวจมอยู่กับความผิดพลาด ไม่จำเป็นที่จะมัวมานั่งเสียใจกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ทุกคนเคยทำผิดพลาด และคุณจะได้เรียนรู้จากมัน และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดซ้ำอีก เมื่อคุณพลาดโอกาสอย่ามัวเศร้าเสียใจ มีโอกาสใหม่รออยู่ข้างหน้าเสมอ

คุณสามารถที่จะยิ้มรับเมื่อถูกเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อคุณทำผิดและคุณยิ้มรับอย่างสงบนั้นคือความใจกว้าง เมื่อคุณถูกเอาเปรียบแต่คุณยังยิ้มได้คุณคือคนใจกว้าง เมื่อคุณทำอะไรไม่ถูกให้คุณค่อยๆ ยิ้มอย่างใจเย็นมันจะทำให้คุณอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง เมื่อคุณเจ็บปวดคุณสามารถที่จะหัวเราะออกมาดังๆ ได้คุณคือคนใช้กว้าง เมื่อคุณถูกดูหมิ่นเหยียดหยามและคุณยิ้มได้อย่างสงบคุณคือคนที่มีความมั่นใจ เมื่อคุณถูกปฏิเสธในความสัมพันธ์และคุณสามารถยิ้มได้คุณคือคนอ่อนโยน

ยังมีคนอีกจำนวนมากที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะมีเงินเพียงพอต่อการใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่มันไม่สำคัญว่าคุณจะรวยหรือจนน นี่คือทั้งหมดของบทเรียนที่คุณได้เรียนรู้จาก ลี กา ชิง
 

วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

http://pantip.com/topic/33359153 กิตติรัตน์’ ชี้ ‘บ้านและที่ดิน’ ต้องสร้างรายได้ จึงจะเก็บภาษีได้

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ยุติ-ธรรม

http://pantip.com/topic/33315733 คนที่รักความยุติธรรม ปรองดอง และ ห่วงชาติบ้านเมือง

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

25 ข้อคิดในการดำเนินชีวิต จากขงเบ้ง

ขงเบ้ง12

เชื่อว่าเราเกือบทุกคน คงรู้จักนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่นามว่า “ขงเบ้ง” กันทุกคนคน่ะครับ เพราะชื่อของเขานั้น มีอยู่ในตำราเรียนทั่วไป นั่นก็คือ “สามก๊ก” ขงเบ้งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หยั่งรู้ฟ้าดินอย่างแท้จริง สามารถทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเป็นผู้มีปัญญามากด้วย เป็นมันสมองและความคิดของ “เล่าปี่” ในการทำศึกสงคราม สำหรับวันนี้เอง เราลองมาดูหลักการของขงเบ้งกันดีกว่าว่า เขามีหลักในการใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
1.ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
2. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาสเพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วยดังนี้แล้ว”ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน”
3. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
4. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
5. ผู้ที่เล็กที่สุด ก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
6. ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น
7. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
8. ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
9. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียวเดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิตจะไม่คิดได้อย่างไร
10. เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขา และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขา ก็ได้
11. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
12. ผู้ปกครองระดับธรรมดาใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่
13. ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
14. ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
15. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น
16. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ใช่” หรือ”อาจจะ” เขามีความหมายว่า “อาจจะ”
17. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “อาจจะ” เขามีความหมายว่า “ไม่”
18. เมื่อนักการฑูตพูดว่า “ไม่” เขาไม่ใช่นักการฑูต เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร
19. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ไม่” หล่อนมีความหมายว่า “อาจจะ”
20. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “อาจจะ” หล่อนมีความหมายว่า “ใช่ หรือ ได้”
21. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า “ใช่” หรือ”ได้” หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
22. สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ
23. คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
24. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน
25. คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
25 ข้อที่ได้กล่าวมา ถือเป็นข้อคิดที่ดีสำหรับใครหลาย ๆ คน ซึ่งเชื่อว่าหากเราได้พิจารณาดูแล้ว หลายข้อที่ขงเบ้งกล่าวไว้นั้น มีประโยชน์และใช้ได้จริง ก็อย่างที่รู้กันครับว่า เขาอยู่ในยุคของสงครามและต่อสู้กันด้วยศาสตราและเลห์เหลี่ยม รวมถึงปกครองคนจำนวนมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นแง่คิดของเขาจึงน่าจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
lc159m-7821d9ขงเบ้ง1cd581effd9db999fca6d86adff4f7c3a_view
 

นครชัยแอร์

"ถ้าเราจะทำอะไร เราต้องทำให้ดี"
"นครชัยแอร์ ไปอยู่ที่ไหน สังคมรอบข้างต้องดีขึ้น"
"ลูกค้าอยากได้บริการแบบไหน เราต้องทำให้ได้ และเกินกว่าความคาดหวังของลูกค้า"

แค่หกส่วนก็พอ

ที่กรุงไทเปมีผู้รับเหมาก่อสร้างคนหนึ่ง  เป็นคนหนุ่มที่ชาญฉลาดที่รู้กันทั้งวงการ  มีหัวการค้าเป็นเลิศ  ทำงานคล่องแคล่วว่องไว  พร้อมลุยงานหนัก...